รู้จัก ฝ้า และ กระ ต่างกันอย่างไร
ฝ้า และ กระ เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินผิดปกติ แต่มีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
ฝ้า
ฝ้าจะมีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ๆ มีสีตั้งแต่อ่อนจนถึงเข้มมาก เป็นสีน้ำตาล หรือเทาเข้ม หรือสีอื่น ๆ ขึ้นอยู่ว่าฝ้าที่เกิด เกิดบริเวณผิวหนังชั้นไหน ตื้น หรือลึกแค่ไหน มักเห็นได้ชัดบริเวณโหนกแก้ม เพราะโดนแดดมากที่สุด และมักเห็นชัดในคนผิวขาว
ประเภทของฝ้า
- ฝ้าแดด เป็นปัญหาฝ้าที่เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด เพราะเกิดจากแสงแดด และรังสีหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์ มักมีลักษณะเป็นรอยคล้ำสีน้ำตาล แดง เทา และหากไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ทาครีมกันแดด สีของฝ้าแดดก็จะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
- ฝ้าตื้น เกิดจากการที่เมลานินสร้างเม็ดสีมากผิดปกติบริเวณผิวหนังชั้นนอก มักเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ และมีลักษณะเป็นปื้นชัด สามารถรักษาได้ด้วยครีมทาฝ้า
- ฝ้าลึก เกิดจากการที่เมลานินสร้างเม็ดสีมากผิดปกติ บริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งได้รับการดูแลรักษายากกว่าฝ้าตื้น มักจะมีสีน้ำตาลอ่อน และมักจะกลืนไปกับผิวหน้าเรา ซึ่งฝ้าชนิดนี้ อาจจะต้องพบแพทย์ เพราะการทาครีมอย่างเดียวอาจจะไม่ช่วย
- ฝ้าเลือด มีลักษณะคล้ายเส้นเลือด สีแดงปนน้ำตาล ฝ้าเลือดเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังเกิดการแตก และกระจุกบริเวณใต้ผิวหนัง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรับประทานยา และการโดนแสงแดดมากเกินไป

กระ
ลักษณะของกระ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่อาจมีสีอ่อน หรือเข้มกว่าสีผิวปกติ ซึ่งจะแตกต่างจากฝ้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ดังนั้น ตรงจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดของฝ้า และ กระ
ประเภทของกระ
- กระตื้น เป็นกระที่พบได้บ่อยในคนผิวขาว มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีเข้ม หรืออ่อนกว่าผิวหนัง แต่ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ซึ่งหากหลีกเลี่ยงแสงแดดมีโอกาสที่จะจางได้เอง
- กระลึก มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล หรือสีดำ เป็นกระที่อยู่ใต้ชั้นผิวลึก มักพบบริเวณโหนกแก้มมากที่สุด โดยกระชนิดนี้ จะรักษายาก อาจจะต้องใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยในการรักษา
- กระแดด เป็นกระที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน มักมีลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาลเข้ม ผิวเรียบ
- กระเนื้อ เป็นกระที่มักเกิดจากพันธุกรรม มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆ นูนออกมาจากผิวหนังมักมีสีน้ำตาล สีดำ เกิดขึ้นตามใบหน้า หรือคอ โดยกระชนิดนี้สามารถเลเซอร์ออกได้ มีโอกาสน้อยที่เกิดรอยแผลเป็น

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ
ปัจจัยการเกิดฝ้า กระ เกิดจากกระบวนการสร้างสีของเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ที่ผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยสีน้ำตาลบนผิวหนัง สาเหตุหลักคือ แสงแดด ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ มีดังนี้
- แสงแดด
รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดเป็นตัวการหลักที่กระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น หากไม่มีการป้องกันผิวที่ดี อาจเกิดความเสียหายต่อผิว และกระตุ้นให้เกิดฝ้าลึกได้ - ฮอร์โมน
ระดับฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเหล่านี้กระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้ทำงานมากขึ้น - พันธุกรรม
การมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นฝ้า จะเพิ่มโอกาสในการเป็นฝ้า - อายุ
กระบวนการฟื้นฟูผิว และความสมดุลของเม็ดสีลดลงตามอายุ ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น - ยาบางชนิด
ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคบางอย่าง เช่น ยากันชัก ยารักษาอาการทางจิต หรือเรตินอยด์ - ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิว หรือมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือปฏิกิริยาไวแสง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ - ภาวะขาดวิตามิน
การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี 6 และบี 12 อาจส่งผลต่อการทำงานของผิว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้า - พฤติกรรมที่ขาดการป้องกัน
การไม่ทาครีมกันแดด การไม่สวมหมวกหรือเสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันแสงแดด การสัมผัสแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น.
ทำไมฝ้า กระถึงรักษายากกว่าที่คิด
ปัญหาฝ้า และกระรักษายาก เพราะมีปัจจัยซับซ้อน หลายคนที่พยายามรักษาฝ้าด้วยตนเอง หรือใช้หัตถการจัดการฝ้าอาจพบว่าปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษาให้จางลงได้ยาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุสำคัญ เหล่านี้
- ฝ้ามีหลายชนิด และหลายระดับความลึก ทั้งฝ้าแบบตื้น ฝ้าแบบลึก และฝ้าผสม ซึ่งต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป การรักษาฝ้าที่ไม่ตรงจุดอาจทำให้ฝ้าดื้อยา และฝังลึกขึ้นจนรักษาได้ยาก
- ปัจจัยกระตุ้นฝ้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น มลภาวะ ฮอร์โมน และพันธุกรรมเป็นตัวกระตุ้นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ทำให้ฝ้ากลับมาได้ใหม่แม้เคยรักษาไปแล้ว
- การตอบสนองของผิวที่แตกต่าง สภาพผิว และระดับความรุนแรงของปัญหาฝ้ามีผลต่อการรักษา ส่งผลให้บางคนต้องใช้เวลารักษาฝ้านานกว่าที่ผิวจะตอบสนอง และรอยฝ้าดูจางลง
- การรักษาฝ้าด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยารักษาฝ้าชนิดรุนแรง รวมไปจนถึงความเชื่อผิด ๆ อย่างการสครับขัดหน้า การลอกหน้าบ่อย ๆ เพื่อช่วยลดฝ้า ซึ่งวิธีเหล่านี้อาจทำให้กระตุ้นให้ฝ้าเข้ม และชัดขึ้น

วิธีดูแล และรักษาฝ้า กระ ให้ได้ผลจริง
ปัญหาฝ้า กระ เป็นปัญหาที่หลายคนกังวล เพราะเป็นจุดบกพร่องบนใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ชัด พอเป็นแล้วก็แก้ไขยาก หลายคนอาจใช้เครื่องสำอางช่วยปกปิด แต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาฝ้าจากต้นเหตุ สำหรับคนที่เจอปัญหาฝ้า มีวิธีการรักษาฝ้า กระ ที่เห็นผลได้จริงหลากหลายทั้งการเลเซอร์ เมโสหน้าใส และการดูแลตัวเอง ดังนี้
- การทาครีม หรือยารักษาฝ้า
การทาครีมที่มีส่วนประกอบของ AHA, อาร์บูติน, กรดโคจิก จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออก และเผยผิวใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้ฝ้าจางลง ผิวหน้าดูสม่ำเสมอ แต่ข้อเสียต้องทาครีมอย่างสม่ำเสมอ และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล - การใช้สารเคมีเพื่อลอกผิว (Chemical Peeling)
เป็นการรักษาฝ้าได้โดยการใช้สารเคมีเพื่อลอกผิวชั้นนอกที่ตายแล้ว และเซลล์เม็ดสีที่เกินออกไป เผยให้เห็นผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้ฝ้าดูจางลง อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากทำเองหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ แสบร้อน หรือเกิดรอยดำถาวรได้ - เลเซอร์รักษาฝ้า
วิธีรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์เป็นอีกวิธีที่เห็นผลเร็ว เครื่องเลเซอร์รักษาฝ้าที่นิยม ได้แก่ เลเซอร์ ND-Yag , Fractional, Q-Switch, Picosecond Laser, Copper Bromide laser เป็นต้น เป็นการยิงเพื่อปรับสภาพ และรักษาความผิดปกติของสีผิว ยิงลงไปบริเวณฝ้า กระ โดยตรง และทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวแต่หลังจากยิงเลเซอร์จะมีการตกสะเก็ด และอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์ - รักษาฝ้า กระ ด้วยเมโสหน้าใส
วิธีรักษาฝ้าด้วยเมโสหน้าใส สามารถช่วยชะลอการกระจายของฝ้าได้ และการใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ฝ้าจางลง 20-50% ในบางเคส ซึ่งในปัจจุบันแม้จะเป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ pico ยาทา ยากิน ยังไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้เลย การใช้เมโสหน้าใสลดฝ้า เป็นทางลัดในการบำรุงผิวโดยใช้ตัวยาที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้ออกฤทธิ์ไว และอยู่ได้นานกว่าการทาครีมทั่วไป จะเริ่มเห็นผลใน 3 วันหลังใช้ ผิวดีขึ้น และตัวยาออกฤทธิ์เต็มที่ใน 7-14 วัน แต่วิธีแก้ฝ้าบนใบหน้าจะต้องใช้เวลา และความสม่ำเสมอ แนะนำให้ใช้อาทิตย์ละครั้งในเดือนแรก จากนั้นใช้ทุก ๆ 2 อาทิตย์ เมโสหน้าใส จะช่วยบำรุงผิวไปในตัว เห็นผลเร็ว หรือช้าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ควรให้แพทย์ตรวจประเมินใบหน้า และเลือกสูตรตัวยาที่เหมาะสม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด
นวัตกรรมใหม่ในการลดเลือน ฝ้า กระ InnoGlitter Premium
InnoGlitter Premium ผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ให้ผิวสว่างกระจ่างใสพร้อมลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยสารสกัดสุดพรีเมียมอย่างเปลือกสนฝรั่งเศส ช่วยยับยั้งการสร้าง และลดการสะสมของเม็ดสี พร้อมต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวกลับมาสดใสแข็งแรงด้วย ” 5 กลไกการทำงาน ของ InnoGlitter Premium “
กลไกที่ 1
บล็อกการทำงานเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ด้วยสารสำคัญอย่าง Kojic Acid ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่เกิดจากแสงแดดให้ดูจางลง พร้อมเผยความกระจ่างใสบนใบหน้า
กลไกที่ 2
จำกัดการแสดงออกของยีน MITF (melanocyte inducing transcription factor) ยีน MITF มีบทบาทอย่างมากในการสังเคราะห์เม็ดสี โดย PDRN และ PN จะเข้าไปรบกวนสัญญาณ ERK-associated pathway ส่งผลให้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง
กลไกที่ 3
เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูเซลล์ผิว กระบวนการทำงานของ Placental extract ที่มีโปรตีน และโกรทเฟคเตอร์ในปริมาณสูง (EGF, FGF, IGF-1, TGF-β1) ให้เกิดการเคลื่อนที่ และเปลี่ยนแปลงของ Keratinocyte กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น ซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย และปรับสีผิวให้สว่างขึ้น
กลไกที่ 4
ลดการเจริญเติบโตของถุง melanosome สารสกัด Arbutin มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของถุง Melanosome ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา และขนส่งจาก Melanocyte ไปยัง Keratinocyte ขัดขวางกระบวนการที่เม็ดสีถูกส่งไปยังเซลล์ผิว จากการทดลอง Arbutin ให้ฤทธิ์ความเป็นพิษน้อยกว่า Hydroquinone
กลไกที่ 5
ลดการสร้างสารอนุมูลอิสระ (Reactive oxygen species: ROS, Nitric oxide: NO) โดยปกติปริมาณของ Melanin จะเพิ่มขึ้นตามระดับของสารอนุมูลอิสระ เมื่อมีปริมาณมาก melanin ก็จะมากขึ้น สารสกัด Pycnogenol ที่ประกอบไปด้วย Phenol และ Flavonoid สามารถช่วยยับยั้งการผลิตสารอนุมูลอิสระ และยังช่วยเพิ่มระดับของ Glutathione ได้อีกด้วย

ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ฝ้า กระไม่กลับมา
นอกจากการรักษาฝ้าแล้ว การป้องกันไม่ให้ฝ้า กระเกิดซ้ำก็เป็นสิ่งสำคัญ มีหลายวิธีที่ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ ได้แก่
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน สวมหมวก ร่ม และเสื้อแขนยาวเมื่อต้องออกแดด
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไปทุกวัน เพิ่มความถี่เป็นทุก 2-3 ชั่วโมง หากอยู่กลางแดดนาน
- ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า หรือ serum บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดฝ้ากระ และลดการกลับมาเป็นซ้ำ
- เลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคือง
- พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียด เพราะฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียดจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินได้
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี และอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวให้มีสภาพดีขึ้น
สรุป
ฝ้า กระ เป็นปัญหาผิวที่ซับซ้อน และกวนใจ หากไม่ได้รับการแก้ไขดูแล ก็อาจจะขยายวงกว้าง ส่งผลให้ความมั่นใจลดลง
คุณสามารถจัดการปัญหาฝ้ากระได้แบบตรงจุดด้วย InnoGlitter Premium ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมปัญหาความหมองคล้ำ สารสกัดลงลึกถึงต้นตอของปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ร่วมกับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อการรักษาฝ้าที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

สนใจผลิตภัณฑ์ INNOGLITTER PREMIUM สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กด @Line ด้านล่างได้เลยค่ะ