1. สิวคืออะไร ?
สิว คือ อาการที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน และต่อมไขมัน มักจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่เยอะอย่างเช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอกและแผ่นหลัง โดยมักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 14-25 ปี และจะค่อยๆหายไปเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางคนสามารถเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต สภาพหน้า และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
2. สิวเกิดจากอะไรได้บ้าง ?
การเกิดสิวไม่ได้มีสาเหตุหลัก แต่สามารถเกิดได้จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
2.1. พันธุกรรม
พันธุกรรมของบางคนอาจมีความบกพร่องก่อให้เกิดการสร้างน้ำมันที่เคลือบผิวหน้า (Sebum) ออกมามากจนเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายและยังเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียได้อย่างดีจึงสามารถเกิดเป็นสิวได้

2.2. การใช้ยา
ตัวยาบางชนิดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Steroid ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้อย่างดี

2.3. การใช้เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางที่ใช้อาจสามารถก่อให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนและเกิดการสะสมสิ่งสกปรก จากทั้งฝุ่น แบคทีเรีย ก่อเป็นสิวในที่สุด

2.4. สภาพผิวของแต่ละบุคคล
อาจสอดคล้องกับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วยที่ทำให้มีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลที่เอื้อต่อการเกิดสิว เช่น สภาพผิวที่มันก็จะเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ง่าย

2.5. เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถขยายพันธุ์ได้ดีในพื้นที่ที่สกปรกและมีความมัน เช่น Cutibacterium acnes, Propionibacterium acnes เป็นต้น เมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นก็จะทำให้เกิดสิวได้

2.6. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นของมนุษย์จะมีการสร้างฮอร์โมนเพศที่มาก ที่จะไปกระตุ้นการต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงนี้ของวัย มักจะมีผิวที่มันกว่าปกติและเสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนมากขึ้น และเกิดสิวได้

2.7. การความสะอาดและดูแลผิวของแต่ละบุคคล
การทำความสะอาดผิวถือเป็นหนึ่งได้การช่วยป้องกันการเกิดสิวได้แต่ถ้าเราทำความสะอาดได้ไม่ดีเพียงพอ อาจเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้น ก็สามารถก่อให้เกิดเป็นสิวได้

3. สิวมีกี่ประเภท?
3.1. สิวชนิดไม่อักเสบ
คือ สิวที่เกิดจากน้ำมันส่วนเกินผสมกับสิ่งตกค้าง สิ่งสกปรกต่างๆแล้วอุดตันบริเวณรูขุมขน ถ้าหากสิวชนิดนี้อุดตันไปนานๆหรือมีการสัมผัส บีบ เกาะ เกา แล้วสิวไม่ได้หลุดออกไปอาจก่อให้เกิดเป็นสิวชนิดอักเสบต่อไปได้
สิวชนิดไม่อักเสบ แบ่งออกได้ 2 แบบ
- 3.1.1. สิวหัวขาว หรือ สิวหัวปิด (Whitehead comedones or Closed comedones) สิวหัวขาว จะมีลักษณะเป็นตุ่ม มีจุดสีขาว อาจมีได้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เกิดจากการอุดตั้นของเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าไปปิดบริเวณปากผิวทำให้เกิดการอุดตัน ไม่เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ

- 3.1.2. สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด (Blackhead comedones or Open comedones) สิวหัวดำ จะมีลักษณะเป็นจุดสีดำ เกิดจากการที่เส้นขนเส้นเล็กๆหรือผิวที่หลุดลอกออกแล้วเข้าไปอุดตันรูขุมขน ผสมกับไขมันบนชั้นผิวที่มีการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ

3.2. สิวชนิดอักเสบ
คือ สิวที่มีการอุดตันของรูขุมขนและมีการอักเสบร่วมด้วย เกิดจากการที่มีสิวชนิดไม่อักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษาร่วมกับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่างๆเพิ่มเติม เช่น การสัมผัส, สิ่งสกปรก, เชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
สิวชนิดอักเสบ แบ่งออกได้ 4 แบบ
- 3.2.1. สิวตุ่มแดง (Papule) เป็นสิวหัวแดง กลม ขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 ซม. ไม่มีหัวหนอง อาจรู้สึกเจ็บเล็กๆเมื่อไปสัมผัส สิวอักเสบชนิดนี้จะรักษาง่ายเพราะเกิดการอักเสบบริเวณผิวชั้นบน แต่ถ้าไม่รีบรักษาแล้วมีการไปบีบ กด อาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและติดเชื้อลงไปในชั้นที่ลึกขึ้น จนเกิดเป็นหัวหนองขึ้น

- 3.2.2. สิวหัวหนอง (Pustule) เป็นสิวอักเสบชนิดที่มีหัวหนองอยู่ในชั้นตื้น มีลักษณะเป็นตุ่มที่มีหนองเกาะนูนอยู่บนผิวชั้นตื้น เกิดจากสิวอุดตัน ที่มีการสัมผัส แกะ บีบ จนทำให้เกิดการติดเชื้อแล้วเกิดหนองขึ้นตามมา

- 3.2.3. สิวอักเสบแบบตุ่มแดงก้อนลึก (Nodule) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง แต่จะมีขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต สิวชนิดนี้เมื่อสัมผัสดูจะเห็นว่าก้อนสิวลึกถึงภายใน ใช้เวลานานกว่าจะยุบ แต่ถ้ารักษาหายได้สิวชนิดนี้มักไม่ทิ้งรอยแผลไว้ (ไม่ควรกด เพราะอาจเกิดการลุกลาม)

- 3.2.4. สิวอักเสบแบบถุงใต้ผิวหนัง (Cyst acne) เป็นสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่ควรทำการรักษาเอง ควรรับไปพบแพทย์โดยด่วน

4. ระดับความรุนแรงของสิว?
ระดับความรุนแรงของสิวได้ถูกจำแนกจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยไว้อยู่ 3 ระดับ ดังนี้
ระดับความรุนแรง | ลักษณะที่เกิด |
---|---|
สิวเล็กน้อย | มีสิวไม่อักเสบหรือมีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule ไม่เกิน 10 จุด |
สิวปานกลาง | มีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustuleมากกว่า 10 จุด หรือมี Nodule น้อยกว่า 5 จุด |
สิวรุนแรง | มีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule จำนวนมากหรือมี Nodule/Cyst เป็นจำนวนมาก |
5. รักษาสิวได้อย่างไรบ้าง?
5.1. ใช้ยารักษา
- 5.1.1. ยาชนิดทา : ยาแก้สิวส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของกรดบางชนิดที่ช่วยกำจัดสิว หรือควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ
- Tretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ช่วยลดการอุดตันและก่อตัวของสิว และลดอาการอักเสบของสิวได้ เมื่อทาแล้วจะทำให้ผิวหนังบางลงควรหลีกเลี่ยงการโดนแดด
- Adapalene : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถช่วยลดอาการบวมและอาการอักเสบที่ผิวหนัง รวมถึงลดการเกิดสิวได้ ยาชนิดนี้ยังสามารถทนทานต่อแสงแดดได้และยังสามารถใช้รวมกับยากลุ่ม Benzoyl peroxide ได้
- Benzoyl peroxide : ช่วยฆ่าเชื้อและควบคุมเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถลดปริมาณไขมันบนชั้นผิวหนังได้
- Azelaic acid : เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ทำให้ลดการเกิดสิวอักเสบ และยังช่วยลดการสร้างเม็ดสีผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งจะช่วยลดรอยดำหลังการอักเสบ
- Clindamycin : เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาสิวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ Propionibacterium acnes
- 5.1.2. ยาชนิดทาน
- Doxycycline : เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ที่ใช้ในการรักษาสิวโดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแกรมลบที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบและยังช่วยลดความเข้มข้นของกรดไขมันอิสระก็จะช่วยให้จำนวนเชื้อแบคทีเรียCutibacterium acnes ลดลงไปด้วย ควรระมัดระวังในการใช้ยาในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต
- Cephalexin : เป็นยาที่ช่วยในการลดอาการอักเสบ
- Isotretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่ช่วยในการลดแบคทีเรียและลดอาการอักเสบได้ ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ไขมันในเลือดสูงและเกิดการอักเสบที่ตับได้จึงควรใช้ในกรณีที่มีสิวอักเสบมาก ต้องจ่ายยาโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร เพราะอาจทำให้ทารกเกิดความผิดปกติได้
5.2. การปรับฮอร์โมนด้วยยาคุมกำเนิด
การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อลดฮอร์โมนเพศชายที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่มากเกินไปแต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อให้ทราบถึงผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดที่อาจเกิดขึ้น
5.3. การติดแผ่นแปะสิว
เป็นวิธีที่ช่วยในการรักษาสิวหนองได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตัวแผ่นดูดจะดึงน้ำ ของเหลว และไขมันส่วนเกินออกมาช่วยให้สิวแห้งง่ายขึ้น เป็นตัวช่วยที่ดีในการเลี่ยงการสัมผัสระหว่างของเรากับสิวโดยตรงแล้ว ยังช่วบลดการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่อาจติดมากับมือของเราได้ มีข้อแนะนำ คือ แผ่นแปะสามารถใช้ได้กับสิวอักเสบที่เกิดบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ถ้าสิวอักเสบอยู่ลึกลงไปจะไม่สามารถใช้แผ่นแปะได้

5.4. การฉีด Mesotherapy
เป็นการฉีดวิตามินหรือสารสกัดต่างๆลงไปในชั้นผิวหนังเพื่อเข้าไปฟื้นฟู ซ่อมแซม บำรุง รวมถึงบางสารสกัดก็อาจมีฤทธิ์ในการรักษาสิวด้วย จึงเป็นการรักษาพร้อมกับบำรุงให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวฟื้นตัวหลังการยุบของสิว
5.5. เครื่องมือเสริมความงาม
- 5.5.1 การเลเซอร์สิว
การใช้เลเซอร์รักษาสิวเป็นการรักษาที่ทำให้หายขาดได้แน่นอนแต่จะมีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณที่ทำการเลเซอร์ เช่น ทำให้ผิวบาง แพ้แสง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย เกิดฝ้า กระ จึงทำให้การทำเลเซอร์ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น - 5.5.2 การใช้เครื่องสุญญากาศดูดสิว
เครื่องดูดสุญญากาศที่จะทำการดูดผิวขึ้นมาแล้วฉายแสงเข้มข้นสูง (ความยาวคลื่น 400-550 nm) ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อสิว และทำความสะอาดรูขุมขนนั้น ลดการอุดตัน - 5.5.3 การใช้เครื่องฉายแสง LED
เครื่องฉายแสง LED (Light Emitting Diode) เป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นต่างๆฉายไปทั่วบริเวณที่มีสิวเพื่อการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ รักษาหลุมสิว โดยความยาวคลื่นที่มักจะนำมาใช้ในการรักษาสิวคือ- แสงสีฟ้า (Blue light) มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 380-480 nm มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes และช่วยลดการอักเสบของสิวได้

วิธีการรักษาสิว | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะกับสิวชนิดใด | ประสิทธิภาพในการรักษา(-/5) | คะแนนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (-/5) |
1.ยาชนิดทา | – จำกัดพื้นที่การรักษาสิวได้ – ลดการเกิดผลข้างเคียงได้ | – ฤทธิ์ของยาอาจได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอกการดูดซึมของยา, การสัมผัสสิ่งต่างๆ- ผิวแห้ง | – Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule | ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ ✅ |
2.ยาชนิดทาน | – สะดวกในการรักษา – ผลการรักษากระจายได้ทั่วถึงแทบทุกบริเวณ | -ถ้าเกิดผลข้างเคียงอาจเกิดเป็นวงกว้าง – ระยะยาวอาจมีปัญหาต่อตับ – ผิวแห้ง ปากแห้ง | – Whitehead comedone- Blackhead comedone- Papule- Pustule- Nodule- Cyst acne | ⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ |
3.ยาคุมกำเนิด | – ปริมาณการผลิตไขมันใต้ผิวหนังลดลง – ลดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย | – อาจทำให้น้ำหนักตัวขึ้น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น – วิงเวียนศีรษะ – ผิวไวต่อแสงแดด อาจะเกิดฝ้ากระได้ง่าย | – Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule | ⭐️ ⭐️ | |
4.แผ่นแปะสิว | – สะดวก – ไม่เจ็บ | – ระมัดระวังขณะเอาแผ่นแปะออกอาจเกิดการกระจายของแบคทีเรียที่มากับหนอง | – Whitehead comedone- Blackhead comedone- Papule | ⭐️ ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ ✅ |
5.การฉีด Mesotherapy | - ลดอาการอักเสบฟื้นฟู บำรุงผิว | - รอยบวมเข็มจากการฉีด – ผื่นแดง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบติดเชื้อ การแพ้ยาชา ผื่นแดงจากรอยเข็ม- รอยช้ำหลังฉีด | - Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule | ⭐️ ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ ✅ |
6.การเลเซอร์สิว | – ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย – ทำลายต่อมไขมันบางส่วน – ช่วยให้สิวยุบเร็ว – ป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ดี | - อาจเกิดสะเก็ดหลังการทำเลเซอร์ – อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน บวมแดง ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และไวต่อแสงแดด | – Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule – Nodule – Cyst acne | ⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ ✅ ✅ |
7.การใช้เครื่องสูญญากาศดูดสิว | – ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี | - ผิวที่ผ่านการดูด อาจมีการระคายเคือง อาจเกิดการแพ้ได้ | – Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule | ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ |
8.การใช้เครื่องฉายแสง LED (แสงสีน้ำเงิน) | – ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิวอักเสบ – ควบคุมความมันบนใบหน้า | - อาจเกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง หรือผิวลอก | – Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule | ⭐️ ⭐️ | ✅ ✅ |
INNO HYAL นวัตกรรมฟื้นฟูเสริมเกราะปกป้องผิว อุดมไปด้วยวิตามินผิวอย่าง Vitamin B3 ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดสิวอักเสบ ลดความมัน บนใบหน้า รูขุมขนกระชับ ผิวสุขภาพดี
Multi Vitamins เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากมลภาวะ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
Hyaluronic acid ช่วยโอบอุ้มผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ เติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอยเเห่งวัย
X-DNA เป็นสารสำคัญระดับ DNA จากอสุจิปลาแซวมอนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างคอลลาเจน อิลาสติน ลดการอักเสบ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิว
Placenta Essences กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว บำรุงล้ำลึก เสริมกระบวนการสร้างเส้นใยคอลลาเจนแก่เซลล์ผิว
Amino Acid ช่วยสร้าง ซ่อมเเซม ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลายให้ปรับสภาพคืนตัวอย่างรวดเร็ว
Minerals ปรับกลไกภายในเซลล์เร่งกระบวนการฟื้นฟูพร้อมเสริมความเเข็งเเรงแก่เซลล์ผิว