สิวเกิดจากอะไร? รักษายังไง? ให้ไม่กลับมาเป็นอีก!
สิวเกิดจากอะไร? รักษายังไง? ให้ไม่กลับมาเป็นอีก!

สิวเกิดจากอะไร? รักษายังไง? ให้ไม่กลับมาเป็นอีก!

สิว คือ อาการที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน และต่อมไขมัน มักจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่เยอะอย่างเช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอกและแผ่นหลัง โดยมักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 14-25 ปี และจะค่อยๆหายไปเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางคนสามารถเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต สภาพหน้า และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย

สารบัญ

1. สิวคืออะไร ?

สิว คือ อาการที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน และต่อมไขมัน มักจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่เยอะอย่างเช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอกและแผ่นหลัง โดยมักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 14-25 ปี และจะค่อยๆหายไปเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางคนสามารถเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต สภาพหน้า และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย

2. สิวเกิดจากอะไรได้บ้าง ?

การเกิดสิวไม่ได้มีสาเหตุหลัก แต่สามารถเกิดได้จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

2.1. พันธุกรรม

พันธุกรรมของบางคนอาจมีความบกพร่องก่อให้เกิดการสร้างน้ำมันที่เคลือบผิวหน้า (Sebum) ออกมามากจนเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายและยังเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียได้อย่างดีจึงสามารถเกิดเป็นสิวได้

พันธุกกรรม

2.2. การใช้ยา

ตัวยาบางชนิดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Steroid ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้อย่างดี

ยา Steroid

2.3. การใช้เครื่องสำอาง

เครื่องสำอางที่ใช้อาจสามารถก่อให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนและเกิดการสะสมสิ่งสกปรก จากทั้งฝุ่น แบคทีเรีย ก่อเป็นสิวในที่สุด

เครื่องสำอาง

2.4. สภาพผิวของแต่ละบุคคล

อาจสอดคล้องกับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วยที่ทำให้มีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลที่เอื้อต่อการเกิดสิว เช่น สภาพผิวที่มันก็จะเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ง่าย

สภาพผิว

2.5. เชื้อแบคทีเรีย

เชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถขยายพันธุ์ได้ดีในพื้นที่ที่สกปรกและมีความมัน เช่น Cutibacterium acnes, Propionibacterium acnes เป็นต้น เมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นก็จะทำให้เกิดสิวได้

เชื้อแบคทีเรีย

2.6. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นของมนุษย์จะมีการสร้างฮอร์โมนเพศที่มาก ที่จะไปกระตุ้นการต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงนี้ของวัย มักจะมีผิวที่มันกว่าปกติและเสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนมากขึ้น และเกิดสิวได้

การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

2.7. การความสะอาดและดูแลผิวของแต่ละบุคคล

การทำความสะอาดผิวถือเป็นหนึ่งได้การช่วยป้องกันการเกิดสิวได้แต่ถ้าเราทำความสะอาดได้ไม่ดีเพียงพอ อาจเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้น ก็สามารถก่อให้เกิดเป็นสิวได้

การทำความสะอาดดูแลผิว

3. สิวมีกี่ประเภท?

3.1. สิวชนิดไม่อักเสบ

คือ สิวที่เกิดจากน้ำมันส่วนเกินผสมกับสิ่งตกค้าง สิ่งสกปรกต่างๆแล้วอุดตันบริเวณรูขุมขน ถ้าหากสิวชนิดนี้อุดตันไปนานๆหรือมีการสัมผัส บีบ เกาะ เกา แล้วสิวไม่ได้หลุดออกไปอาจก่อให้เกิดเป็นสิวชนิดอักเสบต่อไปได้

สิวชนิดไม่อักเสบ แบ่งออกได้ 2 แบบ

  • 3.1.1. สิวหัวขาว หรือ สิวหัวปิด (Whitehead comedones or Closed comedones) สิวหัวขาว จะมีลักษณะเป็นตุ่ม มีจุดสีขาว อาจมีได้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เกิดจากการอุดตั้นของเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าไปปิดบริเวณปากผิวทำให้เกิดการอุดตัน ไม่เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
สิวหัวขาว หรือ สิวหัวปิด
  • 3.1.2. สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด (Blackhead comedones or Open comedones) สิวหัวดำ จะมีลักษณะเป็นจุดสีดำ เกิดจากการที่เส้นขนเส้นเล็กๆหรือผิวที่หลุดลอกออกแล้วเข้าไปอุดตันรูขุมขน ผสมกับไขมันบนชั้นผิวที่มีการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด

3.2. สิวชนิดอักเสบ

คือ สิวที่มีการอุดตันของรูขุมขนและมีการอักเสบร่วมด้วย เกิดจากการที่มีสิวชนิดไม่อักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษาร่วมกับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่างๆเพิ่มเติม เช่น การสัมผัส, สิ่งสกปรก, เชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น

สิวชนิดอักเสบ แบ่งออกได้ 4 แบบ

  • 3.2.1. สิวตุ่มแดง (Papule) เป็นสิวหัวแดง กลม ขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 ซม. ไม่มีหัวหนอง อาจรู้สึกเจ็บเล็กๆเมื่อไปสัมผัส สิวอักเสบชนิดนี้จะรักษาง่ายเพราะเกิดการอักเสบบริเวณผิวชั้นบน แต่ถ้าไม่รีบรักษาแล้วมีการไปบีบ กด อาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและติดเชื้อลงไปในชั้นที่ลึกขึ้น จนเกิดเป็นหัวหนองขึ้น
สิวตุ่มแดง Papule
  • 3.2.2. สิวหัวหนอง (Pustule) เป็นสิวอักเสบชนิดที่มีหัวหนองอยู่ในชั้นตื้น มีลักษณะเป็นตุ่มที่มีหนองเกาะนูนอยู่บนผิวชั้นตื้น เกิดจากสิวอุดตัน ที่มีการสัมผัส แกะ บีบ จนทำให้เกิดการติดเชื้อแล้วเกิดหนองขึ้นตามมา
สิวหัวหนอง Pustule
  • 3.2.3. สิวอักเสบแบบตุ่มแดงก้อนลึก (Nodule) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง แต่จะมีขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต สิวชนิดนี้เมื่อสัมผัสดูจะเห็นว่าก้อนสิวลึกถึงภายใน ใช้เวลานานกว่าจะยุบ แต่ถ้ารักษาหายได้สิวชนิดนี้มักไม่ทิ้งรอยแผลไว้ (ไม่ควรกด เพราะอาจเกิดการลุกลาม)
สิวอักเสบแบบตุ่มแดงก้อนลึก Nodule
  • 3.2.4. สิวอักเสบแบบถุงใต้ผิวหนัง (Cyst acne) เป็นสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่ควรทำการรักษาเอง ควรรับไปพบแพทย์โดยด่วน
สิวอักเสบถุงใต้ผิวหนัง

4. ระดับความรุนแรงของสิว?

ระดับความรุนแรงของสิวได้ถูกจำแนกจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยไว้อยู่ 3 ระดับ ดังนี้

ระดับความรุนแรงลักษณะที่เกิด
สิวเล็กน้อยมีสิวไม่อักเสบหรือมีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule ไม่เกิน 10 จุด
สิวปานกลางมีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustuleมากกว่า 10 จุด หรือมี Nodule น้อยกว่า 5 จุด
สิวรุนแรง​มีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule จำนวนมากหรือมี Nodule/Cyst เป็นจำนวนมาก

5. รักษาสิวได้อย่างไรบ้าง?

5.1. ใช้ยารักษา

  • 5.1.1. ยาชนิดทา : ยาแก้สิวส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของกรดบางชนิดที่ช่วยกำจัดสิว หรือควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ
    • Tretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ช่วยลดการอุดตันและก่อตัวของสิว และลดอาการอักเสบของสิวได้ เมื่อทาแล้วจะทำให้ผิวหนังบางลงควรหลีกเลี่ยงการโดนแดด
    • Adapalene : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถช่วยลดอาการบวมและอาการอักเสบที่ผิวหนัง รวมถึงลดการเกิดสิวได้ ยาชนิดนี้ยังสามารถทนทานต่อแสงแดดได้และยังสามารถใช้รวมกับยากลุ่ม Benzoyl peroxide ได้
    • Benzoyl peroxide : ช่วยฆ่าเชื้อและควบคุมเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถลดปริมาณไขมันบนชั้นผิวหนังได้
    • Azelaic acid : เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ทำให้ลดการเกิดสิวอักเสบ และยังช่วยลดการสร้างเม็ดสีผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งจะช่วยลดรอยดำหลังการอักเสบ
    • Clindamycin : เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาสิวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ Propionibacterium acnes
  • 5.1.2. ยาชนิดทาน
    • Doxycycline : เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ที่ใช้ในการรักษาสิวโดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแกรมลบที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบและยังช่วยลดความเข้มข้นของกรดไขมันอิสระก็จะช่วยให้จำนวนเชื้อแบคทีเรียCutibacterium acnes ลดลงไปด้วย ควรระมัดระวังในการใช้ยาในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต
    • Cephalexin : เป็นยาที่ช่วยในการลดอาการอักเสบ
    • Isotretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่ช่วยในการลดแบคทีเรียและลดอาการอักเสบได้ ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ไขมันในเลือดสูงและเกิดการอักเสบที่ตับได้จึงควรใช้ในกรณีที่มีสิวอักเสบมาก ต้องจ่ายยาโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร เพราะอาจทำให้ทารกเกิดความผิดปกติได้

5.2. การปรับฮอร์โมนด้วยยาคุมกำเนิด

การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อลดฮอร์โมนเพศชายที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่มากเกินไปแต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อให้ทราบถึงผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดที่อาจเกิดขึ้น

5.3. การติดแผ่นแปะสิว

เป็นวิธีที่ช่วยในการรักษาสิวหนองได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตัวแผ่นดูดจะดึงน้ำ ของเหลว และไขมันส่วนเกินออกมาช่วยให้สิวแห้งง่ายขึ้น เป็นตัวช่วยที่ดีในการเลี่ยงการสัมผัสระหว่างของเรากับสิวโดยตรงแล้ว ยังช่วบลดการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่อาจติดมากับมือของเราได้ มีข้อแนะนำ คือ แผ่นแปะสามารถใช้ได้กับสิวอักเสบที่เกิดบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ถ้าสิวอักเสบอยู่ลึกลงไปจะไม่สามารถใช้แผ่นแปะได้

แผ่นแปะสิว

5.4. การฉีด Mesotherapy

เป็นการฉีดวิตามินหรือสารสกัดต่างๆลงไปในชั้นผิวหนังเพื่อเข้าไปฟื้นฟู ซ่อมแซม บำรุง รวมถึงบางสารสกัดก็อาจมีฤทธิ์ในการรักษาสิวด้วย จึงเป็นการรักษาพร้อมกับบำรุงให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวฟื้นตัวหลังการยุบของสิว

5.5. เครื่องมือเสริมความงาม

  • 5.5.1 การเลเซอร์สิว
    การใช้เลเซอร์รักษาสิวเป็นการรักษาที่ทำให้หายขาดได้แน่นอนแต่จะมีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณที่ทำการเลเซอร์ เช่น ทำให้ผิวบาง แพ้แสง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย เกิดฝ้า กระ จึงทำให้การทำเลเซอร์ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • 5.5.2 การใช้เครื่องสุญญากาศดูดสิว
    เครื่องดูดสุญญากาศที่จะทำการดูดผิวขึ้นมาแล้วฉายแสงเข้มข้นสูง (ความยาวคลื่น 400-550 nm) ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อสิว และทำความสะอาดรูขุมขนนั้น ลดการอุดตัน
  • 5.5.3 การใช้เครื่องฉายแสง LED
    เครื่องฉายแสง LED (Light Emitting Diode) เป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นต่างๆฉายไปทั่วบริเวณที่มีสิวเพื่อการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ รักษาหลุมสิว โดยความยาวคลื่นที่มักจะนำมาใช้ในการรักษาสิวคือ
    • แสงสีฟ้า (Blue light) มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 380-480 nm มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes และช่วยลดการอักเสบของสิวได้
การใช้เครื่องฉายแสง
วิธีการรักษาสิวข้อดีข้อเสียเหมาะกับสิวชนิดใดประสิทธิภาพในการรักษา(-/5)คะแนนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (-/5)
​1.ยาชนิดทา– จำกัดพื้นที่การรักษาสิวได้ – ลดการเกิดผลข้างเคียงได้– ฤทธิ์ของยาอาจได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอกการดูดซึมของยา, การสัมผัสสิ่งต่างๆ- ผิวแห้ง– Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule⭐️ ⭐️✅ ✅ ✅
2.ยาชนิดทาน– สะดวกในการรักษา – ผลการรักษากระจายได้ทั่วถึงแทบทุกบริเวณ-ถ้าเกิดผลข้างเคียงอาจเกิดเป็นวงกว้าง – ระยะยาวอาจมีปัญหาต่อตับ – ผิวแห้ง ปากแห้ง– Whitehead comedone- Blackhead comedone- Papule- Pustule- Nodule- Cyst acne⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️✅ ✅
​3.ยาคุมกำเนิด– ปริมาณการผลิตไขมันใต้ผิวหนังลดลง – ลดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย– อาจทำให้น้ำหนักตัวขึ้น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น – วิงเวียนศีรษะ – ผิวไวต่อแสงแดด อาจะเกิดฝ้ากระได้ง่าย– Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule⭐️ ⭐️
4.แผ่นแปะสิว– สะดวก – ไม่เจ็บ– ระมัดระวังขณะเอาแผ่นแปะออกอาจเกิดการกระจายของแบคทีเรียที่มากับหนอง– Whitehead comedone- Blackhead comedone- Papule⭐️ ⭐️ ⭐️✅ ✅ ✅
5.การฉีด Mesotherapy​- ลดอาการอักเสบฟื้นฟู บำรุงผิว​- รอยบวมเข็มจากการฉีด – ผื่นแดง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบติดเชื้อ การแพ้ยาชา ผื่นแดงจากรอยเข็ม- รอยช้ำหลังฉีด​- Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule⭐️ ⭐️ ⭐️✅ ✅ ✅
6.การเลเซอร์สิว– ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย – ทำลายต่อมไขมันบางส่วน – ช่วยให้สิวยุบเร็ว – ป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ดี​- อาจเกิดสะเก็ดหลังการทำเลเซอร์ – อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน บวมแดง ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และไวต่อแสงแดด– Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule – Nodule – Cyst acne⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️✅ ✅ ✅ ✅
​7.การใช้เครื่องสูญญากาศดูดสิว– ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี​- ผิวที่ผ่านการดูด อาจมีการระคายเคือง อาจเกิดการแพ้ได้– Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule⭐️ ⭐️✅ ✅
8.การใช้เครื่องฉายแสง LED (แสงสีน้ำเงิน)– ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิวอักเสบ – ควบคุมความมันบนใบหน้า​- อาจเกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง หรือผิวลอก– Whitehead comedone – Blackhead comedone – Papule – Pustule⭐️ ⭐️✅ ✅

INNO HYAL นวัตกรรมฟื้นฟูเสริมเกราะปกป้องผิว อุดมไปด้วยวิตามินผิวอย่าง Vitamin B3 ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดสิวอักเสบ ลดความมัน บนใบหน้า รูขุมขนกระชับ ผิวสุขภาพดี

Multi Vitamins เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากมลภาวะ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส

Hyaluronic acid ช่วยโอบอุ้มผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ เติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอยเเห่งวัย

X-DNA เป็นสารสำคัญระดับ DNA จากอสุจิปลาแซวมอนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างคอลลาเจน อิลาสติน ลดการอักเสบ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิว

Placenta Essences กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว บำรุงล้ำลึก เสริมกระบวนการสร้างเส้นใยคอลลาเจนแก่เซลล์ผิว

Amino Acid ช่วยสร้าง ซ่อมเเซม ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลายให้ปรับสภาพคืนตัวอย่างรวดเร็ว

Minerals ปรับกลไกภายในเซลล์เร่งกระบวนการฟื้นฟูพร้อมเสริมความเเข็งเเรงแก่เซลล์ผิว

สนใจสินค้าของ INNO HYAL สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ

เรื่องล่าสุด
Collagen Biostimulator ทำไมถึงช่วยให้หน้าเด็กลงได้?
BIOSTIMULATOR

Collagen Biostimulator ทำไมถึงช่วยให้หน้าเด็กลงได้?

“ ทำไมบางคนถึงดูหน้าเด็กกว่าอายุจริง? ” คำถามนี้อาจมีคำตอบมากมาย แต่หนึ่งในเทคโนโลยีความงามที่กำลังได้รับความนิยม และมีบทบาทสำคัญในการย้อนวัยผิวหน้าในปัจจุบันก็คือ Collagen

ปัญหาผิวแบบไหนที่ต้องถึงเวลาให้ Collagen Biostimulator เข้ามาดูแล!
BIOSTIMULATOR

ปัญหาผิวแบบไหนที่ต้องถึงเวลาให้ Collagen Biostimulator เข้ามาดูแล!

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น แม้จะดูแลผิวดีแค่ไหน ก็อาจเริ่มสังเกตเห็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือผิวที่ดูไม่กระชับเหมือนเดิม นี่อาจเป็นสัญญาณว่า การดูแลผิวภายนอกอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป

Fibroblast คืออะไร? ทำหน้าที่อะไร? สำคัญต่อผิวและร่างกายอย่างไร?
สาระน่ารู้

Fibroblast คืออะไร? ทำหน้าที่อะไร? สำคัญต่อผิวและร่างกายอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการฟื้นฟูผิวหรือการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย เซลล์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากแต่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก คือ “Fibroblast” ซึ่งเป็นเซลล์หลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีหน้าที่ผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และสารสำคัญอื่น

เคล็ดลับ! ฟื้นฟู ใต้ตา จัดการปัญหาความหมองคล้ำอย่างได้ผล
เมโสหน้าใส

เคล็ดลับ! ฟื้นฟู ใต้ตา จัดการปัญหาความหมองคล้ำอย่างได้ผล…

ถุงใต้ตา และความหมองคล้ำเป็นปัญหาที่หลายคนเผชิญ ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า และ แก่กว่าวัย หากคุณกำลังมองหาวิธีจัดการกับปัญหานี้อย่างได้ผล บทความนี้