ทำไมถึงต้อง ร้อยไหมใต้ตา ?
ร้อยไหมใต้ตา ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงรูปลักษณ์ แต่ยังสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้ การเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสม และ การเข้าใจกลไกของไหมจะช่วยให้แพทย์สามารถ ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดกับผู้ป่วย
เทคนิคการ ร้อยไหมใต้ตา
การร้อยไหมใต้ตา เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความละเอียด และ เทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมีขั้นตอนและเทคนิคหลัก ๆ ดังนี้
1. การเลือกไหม
ประเภทของไหม
- PDO (Polydioxanone) เป็นไหมที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง และ สามารถย่อยสลายได้ภายใน 6 – 8 เดือน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- PLLA (Poly-L-lactic acid) ช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ในผิวหนัง ทำให้ผิวดูเต็มอิ่ม และ มีความยืดหยุ่น
- PCL (Polycaprolactone) มีระยะเวลาในการย่อยสลายที่นานกว่า สามารถยกกระชับได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ขนาดและลักษณะของไหม
ขนาดของไหม มีหลายขนาด ตั้งแต่ 16G ถึง 30G ขนาดที่เล็ก มักเหมาะสำหรับการใช้งาน ในบริเวณที่บอบบางอย่างใต้ตา
ลักษณะของไหม
• ไหมเงี่ยง (Cog Threads) ใช้ในบริเวณขอบตาล่าง เพื่อช่วยยึดผิว ทำให้ยกกระชับได้ดี เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอย
• ไหมเรียบ (Mono Threads) ใช้ในบริเวณใต้ตา เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน และ อ่อนเยาว์
• ไหมแบบผสม (Combination Threads) ใช้ในมุมตา และ บริเวณรอบดวงตาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และ ลดริ้วรอยในพื้นที่เดียวกัน
2. เทคนิคการร้อย
Linear Threading
– สอดไหมในแนวเส้นตรง จากมุมตาไปยังขอบตาล่าง เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอย และ ยกกระชับในบริเวณกว้าง
Cog Lifting
– ใช้ไหมที่มีเงี่ยงเพื่อช่วยในการยึด และ ดึงผิว ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานกว่า
Combination Technique
– การใช้ทั้ง Linear และ Cog ในบริเวณเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการยกกระชับ
3. การดึงไหม
การดึงไหมจะขึ้นอยู่กับเทคนิค และ ฝีมือของแพทย์แต่ละท่าน เพื่อให้ได้รูปทรงที่เหมาะสม และ ระดับความตึงที่เหมาะสมกับหน้าคนไข้
บริเวณที่เหมาะสมสำหรับการ ร้อยไหมใต้ตา
การร้อยไหมสามารถทำได้ในหลายจุด เช่น
• ขอบตาล่าง : เพื่อยกกระชับ และ ลดริ้วรอย
• มุมตา : เพื่อปรับให้ดวงตาดู สดใส
• บริเวณใต้ตา : เติมเต็มพื้นที่ที่มีริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน
สรุป
การร้อยไหมใต้ตา เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และ มีประสิทธิภาพสำหรับการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ การมีความรู้ในเทคนิค การประเมินผู้ป่วย และ การจัดการผลข้างเคียง จะช่วยให้แพทย์สามารถให้การรักษาที่ดีที่สุด และ ปลอดภัยแก่ผู้ป่วยได้