ความแตกต่างระหว่าง ร้อยไหมกับไหมน้ำ
ร้อยไหม กับ ไหมน้ำ เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าได้ดีเหมือนกัน แต่วิธีการทำงานนั้นไม่เหมือนกันเลยค่ะ โดยทั้งสองมีวิธีทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้
ร้อยไหมคือ
การใช้เส้นไหมที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถ ละลาย* ได้ในร่างกาย และ ขับออกเองได้ มาใช้ในการ ยกกระชับผิว จากเงี่ยงของเส้นไหมที่เข้าไปยึดเกาะกับชั้นผิว แล้วดึงให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ลักษณะทางกายภาพ เช่น
ริ้วรอย หรือ ร่องลึกจากความหย่อนคล้อยสู่การยกกระชับให้เรียบตึง พร้อมกับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังอีกด้วย
*ไหมละลาย ได้แก่ ไหม pdo, ไหม pcl, ไหม plla
ไหมน้ำคือ
การนำวัสดุชนิดเดียวกับการผลิตเส้นไหม มาผ่านกระบวนการ Nano technology ให้เกิดเป็นละอองผงที่สามารถละลายน้ำได้ แล้วนำไปทำหัตถการ โดยการส่งสารเข้าไปทั่วบริเวณของ ใบหน้า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มใบหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ ยังช่วยลดเลือนริ้วรอย
ร้อยไหมเจ็บไหม VS ไหมน้ำเจ็บไหม
ระดับความเจ็บร้อยไหม (ระหว่างทำ)
ระดับความเจ็บ ในระหว่างการร้อยไหมนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บ จะเจ็บแค่ตอนใช้ยาชาเท่านั้น และ หลังร้อยไหมเห็นผลชัดเจน ทันที
ระดับความเจ็บไหมน้ำ (ระหว่างทำ)
ระดับความเจ็บ ในระหว่างทำหัตถการไหมน้ำจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่บวม และ ต้องใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นผล
ระดับความเจ็บร้อยไหม (ช่วงพักฟื้น)
หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจรู้สึกปวดระบมบริเวณที่ร้อยไหม และมีอาการบวมแดง ในช่วงนี้ให้รับประทานยาแก้ปวด paracetamol เพื่อบรรเทาอาการ หลังจากนั้น 2-3 วัน อาการปวดจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
ระดับความเจ็บไหมน้ำ (ช่วงพักฟื้น)
หลังจากทำหัตถการ ไหมน้ำเสร็จแล้ว จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ต้องงดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 24 ชั่วโมง และ ไม่ควรนวดหรือกดผิวบริเวณที่ทำหัตถการ
ผลลัพธ์ร้อยไหม VS ผลลัพธ์ไหมน้ำ
ผลลัพธ์ร้อยไหม
ผลลัพธ์ของการร้อยไหม จะเห็นได้ชัดเจนทันทีในเรื่องของการ ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้เรียว ลดเลือนริ้วรอย เสริมความเต่งตึงให้กับผิว
ผลลัพธ์ ไหมน้ำ
ผลลัพธ์ของไหมน้ำ จะเป็นในส่วนของการเติมเต็มเพิ่ม Volume ใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ฟื้นฟูผิว ให้ผิวดูอิ่มฟู แลดูอ่อนเยาว์
ข้อดี-ข้อเสีย ร้อยไหม VS ไหมน้ำ
ข้อดี-ข้อเสีย ร้อยไหม
ข้อดี
- เงี่ยงของเส้นไหมยกผิวหน้าได้ดี และ เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า ชัดเจน
- ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังทำ
- เห็นผลชัดเจน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- เส้นไหมละลายโดยที่ไม่เหลือสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสีย
- อาจจะมีอาการบวม ฟกช้ำช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังทำ
- อาจทำให้เกิดพังผืดได้ถ้าร้อย ไม่ถูกวิธี
- เลือดอาจไหลออกมามาก และ เสี่ยงการติดเชื้อได้มากกว่า
ข้อดี-ข้อเสีย ไหมน้ำ
ข้อดี
- ไม่เกิดรอยแผล หรืออาการบาดเจ็บเป็นวงกว้าง
- ลดการเสี่ยง ติดเชื้อ
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำหัตถการ
- ระยะเวลาในการทำหัตถการน้อยกว่า
- สามารถกระจายตัวไปทั่วใบหน้าได้ดี กระตุ้นได้ทั่วถึง มากกว่า
ข้อเสีย
- ผลการยกผิวหน้าไม่ได้เยอะ เท่าการร้อยไหม
- ราคาแพง
- หลังทำหัตถการอาจมีอาการบวมในบางเคส
- ใช้ระยะเวลาในการเห็นผลช้า ประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผล
- หากทำหัตถการผิดจุด หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญ มีโอกาสทำให้หลอดเลือดอุดตัน กล้ามเนื้อตายได้
สรุป
ร้อยไหม กับ ไหมน้ำ เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าได้ดีเหมือนกัน แต่วิธีการทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยการร้อยไหมนั้น จะใช้เส้นไหมที่สามารถละลายได้ ในร่างกาย มาใช้ยกกระชับผิว ด้วยเงี่ยงของเส้นไหมที่เข้าไปยึดเกาะกับชั้นผิว และ เห็นผลชัดเจน ทันที ส่วนไหมน้ำนั้น เป็นการนำวัสดุชนิดเดียวกับการผลิต เส้นไหม มาผ่านกระบวนการ Nano technology ช่วยเติมเต็มร่องลึก กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการเห็นผลนั่นเอง
สนใจสินค้าของ Innovation Beauty สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ