ไหมน้ำ คืออะไร ?
คำว่า ไหมน้ำ เป็นชื่อที่ถูกเรียกขึ้นมา เพื่อความเข้าใจง่าย และใช้จำกัดความผลิตภัณฑ์ ในกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีสารหลักที่ใช้ในการผลิตชนิดเดียวกับ เส้นไหม ที่ใช้ในการร้อยหน้า อย่างไรก็ตามไหมน้ำ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator ซึ่งมีหน้าที่ ในการกระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์เส้นใย คอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยเสริมความหนาแน่น และ ความแข็งแรงของโครงสร้างผิว
ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้น คอลลาเจน นี้ไหมน้ำจึงช่วยให้ผิวหน้าดูยืดหยุ่น กระชับ และ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สำหรับการฟื้นฟูผิว และ เสริมความงามในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีไหมน้ำ กี่ชนิด ?
ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไหมน้ำ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท โดยจัดหมวดหมู่ตาม องค์ประกอบหลัก ที่ใช้ในการผลิต ดังนี้
- ไหมน้ำชนิด Polydioxanone (PDO)
- ไหมน้ำชนิด Polycaprolactone (PCL)
- ไหมน้ำชนิด Poly-L-Lactic acid (PLLA
- ไหมน้ำชนิด Poly-D-L-Lactic acid (PDLLA)
ไหมน้ำ อันตรายหรือเปล่า ?
หากพูดถึง ความปลอดภัยของไหมน้ำ ถือได้ว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก สารที่นำมาใช้ในการผลิตไหมน้ำได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับบริการว่า ไหมน้ำมีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ และ สามารถสลายตัวได้เองตามกระบวนการย่อยสลายในร่างกาย โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ภายในร่างกาย
ไหมน้ำอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์หลังการฉีดไหมน้ำ จะเริ่มสังเกตได้ภายในประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับกระบวนการสร้างคอลลาเจนของแต่ละบุคคล ส่วนระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่นั้น ขึ้นอยู่กับ ชนิดของสาร ที่ใช้ในการผลิตไหมน้ำ โดยแต่ละประเภท จะมีความคงทนแตกต่างกันไป
- PDO จะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- PCL จะอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- PLLA, PDLLA จะอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
ไหมน้ำเหมาะกับใครบ้าง ?
ไหมน้ำมีคุณสมบัติเด่น ในการกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ทำให้เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีปัญหา ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหา ริ้วรอยแห่งวัย
- ผู้ที่มีปัญหา รูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหา ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย
- ผู้ที่มีปัญหา ผิวที่ขาดความยืดหยุ่น
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และ สามารถแก้ไขปัญหาผิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งคงสภาพผิวที่ดีไว้อย่างยาวนาน ควรปฏิบัติตาม คำแนะนำของผลิตภัณฑ์ อย่างเคร่งครัด และ รับการดูแลจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อดีของไหมน้ำ ?
- ผิวมีการกระตุ้นสร้าง คอลลาเจน มากขึ้น
- สามารถ ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่เหลือสารตกค้าง
- ผลลัพธ์ คงอยู่ได้นาน (ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร)
- ความเสี่ยง ในการเกิดภูมิแพ้ ต่ำ
- หลังฉีดไหมน้ำ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อเสียของไหมน้ำ ?
- จำเป็นต้องใช้เวลา ในการสร้างคอลลาเจน ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- อาจมีอาการ บวม ช้ำหลังการฉีด
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับประเภทผิว ของแต่ละบุคคล
- ราคาค่อนข้างสูง
ผู้ที่ไม่แนะนำ ให้ฉีดไหมน้ำ ?
- ผู้ที่อายุ ต่ำกว่า 18 ปี
- สตรีที่ตั้งครรภ์ และ อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ผู้ที่มีแผลเปิด หรือ ภาวะติดเชื้อบริเวณที่จะทำการฉีด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรค เลือดออกง่าย
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สารที่ใช้ในการผลิตไหมน้ำ
สรุป
ไหมน้ำ ถือเป็น นวัตกรรมล้ำสมัย ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใน วงการแพทย์ความงาม โดยมีคุณสมบัติเด่นในการ กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ใต้ชั้นผิว ช่วยเสริมความแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น และ ปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ของการฉีดไหมน้ำ จะเริ่มสังเกตได้ชัดเจนหลังจาก 2-4 สัปดาห์ โดยสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ใช้) นอกจากนี้ ไหมน้ำยังได้รับการยอมรับใน ด้านความปลอดภัยสูง เนื่องจากสารที่ใช้ในการผลิต ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับบริการ ได้อย่างเต็มที่