สาเหตุของการเกิดหน้าโทรม เกิดจากอะไรได้บ้าง
- พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ก็จะส่งผลโดยตรงต่อการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เกิดความหมองคล้ำและแห้งกร้าน
- ความเครียดสะสม เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Cortisol ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่เกินวัย
- มลภาวะและสภาพแวดล้อม ฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้สิวอุดตันและเสื่อมสภาพ
- อายุที่เพิ่มขึ้น หลังอายุ 25 ปี การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย หย่อนคล้อยและดูหมองคล้ำ
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดความแห้งกร้านและริ้วรอย
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว อีกทั้งยังทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ปัญหาหน้าโทรม แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
การแก้ไขปัญหาหน้าโทรมสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการรักษาทางการแพทย์และการดูแลตัวเองที่บ้าน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและความเหมาะสมแตกต่างกันไป มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง

เมโสหน้าใส
เมโสหน้าใสเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรมได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้ผิวหน้าฟื้นฟู ช่วยลดความหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ หมองคล้ำ และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วเพื่อให้ผิวดูฉ่ำโกลว์ กระจ่างใสขึ้น โดยจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 3 – 7 วัน และสามารถทำซ้ำได้ทุก 1 – 2 สัปดาห์ในช่วงแรก
ฉีดโบท็อก
ริ้วรอยเหี่ยวย่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หน้าโทรมและดูแก่กว่าวัย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแห้งหรือแสดงอารมณ์ทางสีหน้าบ่อย การฉีดโบท็อกสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเฉพาะจุดได้ เช่น ในบริเวณหน้าผาก รอยตีนกาและรอยขมวดคิ้ว ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลหลังฉีด 3 – 4 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 4 – 5 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ด้วยสารไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนตามวัย ฟิลเลอร์จะเข้าไปทดแทนคอลลาเจนและไขมันที่สลายไปตามวัย ช่วยเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องใต้ตาได้ และเติมขมับหรือแก้มที่ตอบให้ดูอิ่มเอิบขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาร่องใต้ตาที่ลึกโบ๋ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและเหนื่อยตลอดเวลา เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ใบหน้าตอบหรือใต้ตาดำคล้ำจากการยุบตัวของกระดูกและไขมัน ผลลัพธ์จะเห็นทันทีหลังทำ ใบหน้าจะดูอิ่มฟู สดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

โปรแกรมยกกระชับหน้า HIFU
HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงยิงลงไปใต้ชั้นผิวหนังจนถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับผิวและเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานความร้อนที่ส่งลงไปจะทำให้เนื้อเยื่อชั้น SMAS หดตัว เกิดการยกกระชับขึ้นทันทีส่วนหนึ่ง และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง และเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัดซึ่งเป็นสาเหตุให้ใบหน้าดูเหนื่อยและโทรม เห็นผลการยกกระชับได้ทันทีประมาณ 20 – 30% และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ใน 1 – 3 เดือนหลังทำ
ไหมน้ำ
ไหมน้ำมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึกเหมือนมีเกราะกักเก็บน้ำใต้ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวฟูอิ่มน้ำ มีความยืดหยุ่น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวโทรม ขาดน้ำ แห้งกร้าน ดูเหนื่อยล้าและต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวมให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา โดยหลังทำผิวจะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์
เลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใสอีกทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่ดูโทรมให้กลับมาดูกระจ่างใส และดูอ่อนเยาว์ โดยเลเซอร์เป็นการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกันไปยิงไปที่ผิวเพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เลเซอร์บางชนิดจะเข้าไปจับกับเม็ดสีเมลานิน ทำให้จุดด่างดำและรอยสิวจางลง บางชนิดช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไปเพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า และบางชนิดจะลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและแข็งแรงขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าหมองคล้ำจากรอยสิว จุดด่างดำ ฝ้า กระหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ เห็นผลค่อนข้างเร็ว โดยหลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อยและจะค่อย ๆ ดีขึ้น ผิวจะกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทรีตเมนต์หน้า
การทำทรีตเมนต์หน้าเป็นการดูแลผิวแบบองค์รวม ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าและโทรมให้กลับมาสดใส ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การทำความสะอาดลึก การนวดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการบำรุงด้วยเซรั่มเข้มข้น ช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวได้รับการผ่อนคลายและฟื้นฟูอย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายไปพร้อมกับการดูแลผิว
มาส์กหน้าเป็นประจำ
แผ่นมาส์กหรือมาส์กแบบทาทำหน้าที่คล้ายผ้าห่มให้กับผิว ช่วยป้องกันไม่ให้สารบำรุงในมาส์กระเหยออกไป ทำให้ผิวดูดซึมความชุ่มชื้นและสารอาหารได้อย่างเต็มที่เป็นเวลา 15 – 20 นาที เป็นการบูสต์ผิวแบบเร่งด่วน ควรเลือกสูตรมาส์กให้ตรงกับปัญหาผิว เช่น สูตรไฮยาลูรอนสำหรับผิวขาดน้ำ สูตรวิตามินซีสำหรับผิวหมองคล้ำ หรือสูตรว่านหางจระเข้เพื่อปลอบประโลมผิว ควรทำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง
บำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและสารไวท์เทนนิ่งช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ ควรใช้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์เพื่อเห็นผลชัดเจน พร้อมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง
ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในร่ม ก็ยังมีรังสีที่กระทบผิวได้อยู่เสมอ ดังนั้น การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสมจึงเป็นการป้องกันปัญหาหน้าโทรมที่ไม่ควรมองข้าม ควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และทาในปริมาณที่เพียงพอประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับใบหน้าและลำคอ
ดื่มน้ำเยอะ ๆ
ผิวหน้าที่ขาดน้ำจะดูหมองคล้ำ ไม่สดใสและแห้งกร้าน เพราะฉะนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ประมาณวันละ 6 – 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 – 2 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่งมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟในปริมาณมากหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวโทรมกว่าเดิมได้
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารบำรุงผิวช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก เช่น
- เนื้อปลา อุดมด้วยโอเมก้า 3 และวิตามินอี ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเต่งตึง
- บร็อคโคลี มีซิงค์และวิตามินหลากหลายชนิด ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
- ถั่ววอลนัท มีโอเมก้า 3 และ 6 สูง ช่วยลดการอักเสบของผิว
- ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ผิวหน้าฟื้นฟูได้อย่างเป็นรรมชาติ ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ซึ่งมีส่วนช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดความหมองคล้ำและทำให้ผิวดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากนอนหลับไม่พอเป็นประจำ อาจทำให้หน้าโทรม ดูเหนื่อยล้าและแก่ก่อนวัยได้

สรุปบทความ
หน้าโทรม หมองคล้ำหรือผิวเสื่อมสภาพ เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาทางการแพทย์ อย่างการฉีดวิตามิน โบท็อก ฟิลเลอร์หรือการทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เพียงเท่านี้คุณก็จะมีผิวหน้าที่สดใส กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพผิวที่ดีได้แน่นอน