รอยตีนกาหรือริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาที่มีลักษณะคล้ายรอยเท้านกเป็นปัญหาผิวที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป สาเหตุของการเกิดรอยตีนกาเกิดมาจากการที่ผิวบริเวณรอบดวงตาบางและบอบบางกว่าส่วนอื่นของใบหน้า เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น จนทำให้เกิดรอยย่นเมื่อแสดงสีหน้าหรือขยับกล้ามเนื้อรอบดวงตา ซึ่งหากไม่มีวิธีรักษาตีนกาหรือไม่ได้การดูแลที่เหมาะสม รอยเหล่านี้อาจกลายเป็นริ้วรอยถาวรที่มองเห็นได้ ถึงจะแม้ไม่มีการแสดงสีหน้าใด ๆ ทำให้สูญเสียความมั่นใจลงได้
ตีนกา มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
รอยตีนกาเป็นปัญหาผิวที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
- การเสื่อมสภาพของผิวตามธรรมชาติ เมื่อเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การขยี้ตาแรงๆ การล้างหน้าอย่างรุนแรง ฯลฯ
- การสัมผัสแสงแดดโดยไม่มีการป้องกัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความเสียหายจนเกิดริ้วรอย
- การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าต่าง ๆ เช่น การหัวเราะ ยิ้ม หรือขมวดคิ้ว ก็ทำให้เกิดการขยับของกล้ามเนื้อรอบดวงตาซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นรอยย่นได้
ประเภทของตีนกา
ตีนกาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะการเกิดและความถาวรดังนี้
- รอยตีนกาที่เกิดขณะแสดงสีหน้า ซึ่งจะปรากฏเมื่อมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบดวงตา และจะหายไปเมื่อกลับสู่สีหน้าปกติ แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม รอยเหล่านี้อาจพัฒนาไปเป็นรอยถาวรได้
- รอยตีนกาแบบถาวร ที่ยังคงปรากฏให้เห็นแม้ไม่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เนื่องจากผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อยในชั้นผิวหนังแท้
6 วิธีลดรอยตีนกา
วิธีรักษาตีนกาสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล มาดูกันว่า มีวิธีไหนบ้าง
1. ร้อยไหมยกหางตา
ร้อยไหมถือเป็นอีกหนึ่งในวิธีลดรอยตีนกาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณหางตา การร้อยไหมยกหางตาจะใช้ไหมละลาย ซึ่งมีคุณสมบัติในการยกกระชับผิว สามารถทำงานได้สองรูปแบบ คือการใช้ไหมที่มีเงี่ยงพิเศษช่วยยกผิวบริเวณหางตาให้ตึงกระชับขึ้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึง ลดเลือนรอยตีนกาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นหลังการรักษา และสามารถอยู่ได้นานหลายเดือนจนถึง 1 ปี

2. โบท็อกซ์ตีนกา
การใช้โบท็อกซ์ก็ถือว่าเป็นวิธีกำจัดตีนกาที่เหมาะสำหรับการลดรอยตีนกาที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเช่นกัน โดยโบท็อกซ์จะช่วยลดการเกิดรอยย่นจากการแสดงสีหน้า ทำให้ผิวบริเวณหางตาดูตึงกระชับขึ้น ผลการรักษาจะเริ่มเห็นชัดภายใน 7 วันและสามารถอยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน นอกจากจะช่วยลดรอยตีนกาที่มีอยู่แล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดรอยใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย
3. ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ก็เป็นวิธีลดรอยตีนกาแบบถาวรได้เช่นกัน โดยการเติมสารพิเศษเข้าสู่ชั้นผิวลึก ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น เพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิวและช่วยพยุงโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อย นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณรอบดวงตา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีและสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
4. เมโสลดรอยตีนกา
เมโสเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเสื่อมสภาพจากวัยและต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิว ซึ่งวิธีรักษารอยตีนการนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว แก้ไขปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากผิวเหี่ยวย่น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน
5. เลเซอร์รักษาตีนกา
เลเซอร์เป็นอีกทางเลือกที่หลายคนนิยมเป็นอย่างมาก วิธีลดรอยตีนกาด้วยการเลเซอร์นั้น จะใช้พลังงานความร้อนกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ช่วยลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับให้ผิวตึงขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง 3 – 4 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผลชัดเจน
6. ครีมลดริ้วรอย
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรอยตีนกาด้วยตัวเองที่บ้าน แนะนำให้ใช้ครีมลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมของ Retinol เนื่องจากช่วยต้านอนุมูลอิสระและชะลอการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, Glycolic Acid หรือ Lactic Acid ก็สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนริ้วรอยได้ ทั้งนี้ต้องใช้อย่างสม่ำเสมอและต้องอาศัยความอดทน เนื่องจากเป็นวิธีลดรอยตีนกาที่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แนะนำให้ทำควบคู่กับการทำหัตถการก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยตีนกา
เพื่อป้องกันริ้วรอยตีนกานั้น ควรเริ่มทำตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะการดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาที่บอบบางเป็นพิเศษ เริ่มจากการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุสำคัญของริ้วรอยก่อนวัย
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การขยี้ตาแรง ๆ นอนดึกหรือการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพ วิธีลดรอยตีนกาที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน คือการรักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์ ครีมลดริ้วรอยและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวันอันควร

สรุปบทความ
ตีนกาเป็นปัญหาผิวที่สามารถป้องกันและวิธีการรักษาได้ เริ่มตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความชุ่มชื้น หรือผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย สำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับรอยถาวรนั้น ปัจจุบัน ก็มีวิธีรักษารอยตีนกาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ตั้งแต่การร้อยไหม โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์และการเลเซอร์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีคุณภาพและปลอดภัย Innovation Beauty เรามุ่งมั่นคิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการความงาม เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดสำหรับผิวของคุณ