PLLA คืออะไร?
PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
PLLA หรือ Poly-L-lactic acid เป็นสารสังเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มของ Polyester ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย โดย PLLA มีโครงสร้างแบบ Isomer บริสุทธิ์ (L-isomer) ทำให้สาร PLLA มีความคงตัวสูง มีความเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อของร่างกาย และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีเยี่ยม
กลไกการทำงานของ PLLA
- PLLA จะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในผิวหนังให้ผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen)
- หลังจากฉีดเข้าสู่ผิวหนัง PLLA จะค่อย ๆ ถูกย่อยสลายไปในช่วงระยะเวลา 12 – 24 เดือน
- ในระหว่างที่ PLLA ย่อยสลาย ร่างกายจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความกระชับและเต่งตึงมากขึ้น
คุณสมบัติของ PLLA
- มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว (อยู่ได้นาน 12-24 เดือน)
- ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏหลังการฉีดประมาณ 2-3 เดือน และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
- เหมาะกับการฟื้นฟูผิวที่ขาดความยืดหยุ่นและมีริ้วรอยลึก
PDLLA คืออะไร?
PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid)
PDLLA หรือ Poly-D,L-lactic acid เป็นสารสังเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับ PLLA แต่มีโครงสร้างแบบ racemic mixture คือมีทั้ง L-isomer และ D-isomer ผสมกัน ทำให้มีคุณสมบัติแตกต่างจาก PLLA ในแง่ของความยืดหยุ่นและการย่อยสลายที่รวดเร็วกว่า
กลไกการทำงานของ PDLLA
- หลังจากฉีด PDLLA เข้าไปในชั้นผิวหนัง สารนี้จะเริ่มกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนทันที
- PDLLA มีคุณสมบัติในการกระจายตัวได้ดีในผิวหนัง จึงทำให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ
- PDLLA จะสลายตัวในร่างกายอย่างรวดเร็วกว่า PLLA และมีระยะเวลาการคงอยู่ที่ประมาณ 12 – 18 เดือน
คุณสมบัติของ PDLLA
- ยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดีมากกว่า PLLA
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เร็วและผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเจนหลังทำ
- อยู่ได้นาน 12-18 เดือน (สั้นกว่า PLLA เล็กน้อย)
- เหมาะสำหรับการเติมเต็มในจุดที่ต้องการความละเอียดและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
เปรียบเทียบความแตกต่าง PLLA VS PDLLA
คุณสมบัติ | PLLA | PDLLA |
---|---|---|
โครงสร้างทางเคมี | L-isomer (บริสุทธิ์) | D,L-isomer (ผสม) |
ผลลัพธ์หลังฉีด | เริ่มเห็นผลใน 2-3 เดือน | เริ่มเห็นผลเร็วกว่า (1-2 เดือน) |
ระยะเวลาการคงอยู่ | ประมาณ 12-24 เดือน | ประมาณ 12-18 เดือน |
การสลายตัวในร่างกาย | ค่อยๆ สลายตัวอย่างช้าๆ | สลายตัวได้เร็วกว่า PLLA |
กระตุ้นคอลลาเจน | กระตุ้นในชั้นผิวลึกได้ดี | กระตุ้นได้ทั้งชั้นผิวตื้นและลึก |
ความเหมาะสมในการใช้งาน | เน้นริ้วรอยลึกและการยกกระชับ | เน้นงานผิวมากกว่า |
ข้อดีและข้อเสียของ PLLA
ข้อดี PLLA
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า (สูงสุดถึง 24 เดือน)
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกได้ดี
- เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึก
ข้อเสีย PLLA
- ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- มีโอกาสเกิดก้อนแข็งหรือผิวไม่เรียบได้ หากฉีดไม่ถูกวิธี
ข้อดีและข้อเสียของ PDLLA
ข้อดี PDLLA
- เห็นผลเร็วภายใน 1-2 เดือน
- มีความยืดหยุ่นสูง กระจายตัวได้ดี
- เหมาะสำหรับการเติมเต็มจุดเล็ก ๆ หรือพื้นที่ผิวไม่เรียบ
ข้อเสีย PDLLA
- ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า PLLA เล็กน้อย
- อาจต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
ควรเลือกใช้ PDLLA หรือ PLLA ดี?
- หากต้องการ ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และมีปัญหาริ้วรอยลึก → PLLA อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
- หากต้องการ เห็นผลเร็ว และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ → PDLLA จะตอบโจทย์มากกว่า
สำหรับการใช้งานในคลินิก แพทย์มักใช้ PDLLA และ PLLA ร่วมกันในบางกรณี เช่น
– ใช้ PLLA สำหรับการยกกระชับผิวและเติมเต็มในชั้นลึก
– ใช้ PDLLA สำหรับเน้นงานผิว
สรุป
แม้ว่า PDLLA และ PLLA จะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างในด้านโครงสร้างทางเคมีและการออกฤทธิ์ PLLA เหมาะสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ในขณะที่ PDLLA เหมาะสำหรับการเน้นเรื่องงานผิว ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
การเลือกใช้ PDLLA หรือ PLLA ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการรักษาและความต้องการของลูกค้า หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด