คอลลาเจน คืออะไร สำคัญต่อผิวอย่างไร?
คอลลาเจน (Collagen) คือโปรตีนชนิดหนึ่งพบมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นมาเป็นส่วนประกอบหลักในการค้ำจุนเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ เมื่อคอลลาเจนมีปริมาณลดลงหรือเสื่อมสภาพจะส่งผลต่อความชราของผิว คอลลาเจนช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ป้องกันรอยเหี่ยวย่น เพิ่มความแข็งแรง ความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นสูงขึ้น
5 วิธีการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหน้า ให้ผิวกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีการเพิ่ม คอลลาเจน ให้ผิว คือการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ปรับปรุงคุณภาพผิว ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความกระชับ และยืดหยุ่น วิธีการเพิ่มคอลลาเจนมีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การทานอาหารที่มีประโยชน์ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือวิธีการที่ให้ผลลัพธ์เร็วขึ้นอย่างการทำหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจน ยกตัวอย่างมาด้วยกัน 5 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 : การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma)
การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) คือพลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น จากการนำเลือดของตัวเองมาปั่นเพื่อแยกชั้นเลือด คัดเอาเฉพาะเกล็ดเลือดและ Growth Factor เข้มข้นสูง ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน

ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพ และสร้างเซลล์ผิวใหม่ ผิวแข็งแรงขึ้น เติมเต็มหลุมสิว ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์
วิธีที่ 2 : การใช้ Mesotherapy
เป็นการฉีดสารบำรุงลงไปในชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เติมความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือมีริ้วรอยเล็กๆ ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น เช่น PDRN (DNA ปลาแซลมอน), ไฮยาลูรอนิกแอซิด, วิตามินต่างๆ หรือผสมโบท็อกซ์ (Meso Botox) ในผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และผิวมัน ลดริ้วรอยตื้นๆ จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ปกติจะฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพเรื่อยๆ

วิธีที่ 3 : การใช้เครื่องมือยกกระชับผิว
เป็นเทคโนโลยีเครื่องที่ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิวแน่นกระชับด้วยการทำงานที่เข้าลึกถึง SMAS Layer ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มได้ หลังทำเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก 20% และจะค่อยๆกระชับขึ้นใน 1-2 เดือน เมื่อผ่านไป 2-3 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น คงผลลัพธ์ได้นาน 5-6 เดือน

วิธีที่ 4 : การร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นการยกกระชับอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้ผลดีและรวดเร็ว เมื่อไหมเข้าสู่ชั้นผิวหนังจะทำให้เกิดการอักเสบเล็กๆบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างเลือดใหม่ และมีผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบๆเส้นไหม ผิวจึงยกกระชับมากขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ได้ตามชนิดของเส้นไหม ดังนี้
- PDO (Polydioxanone) เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความแข็งแรง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และเป็นไหมที่ใช้ในทางการแพทย์ ในการผ่าตัดเย็บเส้นเลือดหัวใจ สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-8 เดือน
- PLLA (Polylactic acid) ตัววัสดุมีความแข็งแรง คงทน อยู่ได้นาน แต่มีปัญหาในเรื่องของการแตกหัก และเปราะง่าย ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 2 ปี
- PCL (Polycaprolactone) เป็นวัสดุสีใส เหนียว มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงตามการขยับของใบหน้า ทำให้ลดปัญหาการขาดของเส้นไหมได้ดี อยู่ได้ยาวนาน 2 ปี

วิธีที่ 5 : การฉีด Biostimulator
นวัตกรรมล่าสุดอย่างการฉีด Biostimulator สารกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย หรือ Biostimulator จะกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยดึงเซลล์ Macrophages มาล้อมรอบอนุภาคสาร อย่าง
- อนุภาคของ PLLA กรดโพลีแลคติก สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการผลิต Collagen Type I ช่วยทำให้ผิวยืดหยุ่น ยกกระชับปรับเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี
- อนุภาคของ PCL ผลิตจากโพลีคาโปรแลคโตน จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มส่วนที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูผิว คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 1 ปี
- อนุภาคของ PDO ผลิตจากโพลีไดออกซาโนน สามารถเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของผิว ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผิวหน้ากระชับ ริ้วรอยดูเรียบเนียนขึ้น คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 6-8 เดือน
- อนุภาคของ PDLLA กรดพอลิแลกติก (PDLLA) และกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) สามารถเห็นผลลัพธ์ด้านการเติมเต็มผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้นาน 1 ปี
- อนุภาคของ CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Collagen type I +150%, Collagen Type III +130%, +Elastin 260%) ช่วยเพิ่มสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan) และสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว (Angiogenesis) สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 1.5 ปี
ส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันโดยมุ่งเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 (Collagen TypeI and TypeIII) ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวหนังได้ในระยะยาว ช่วยยกกระชับใบหน้า และฟื้นฟูคุณภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
สรุป
วิธีการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวหน้าที่ดี ควรผสมผสานทั้งการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การพักผ่อน ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารเสริม จะช่วยชะลอปัญหานี้ได้ แต่การทำหัตถการที่เหมาะสมภายใต้คำปรึกษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สำหรับผิวได้โดยตรง มักให้ผลลัพธ์ในการมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติผลลัพธ์เร็ว ยาวนาน และปลอดภัยแน่นอนค่ะ