Biostimulator คืออะไร? ทำไมถึงเป็นที่นิยมในการฟื้นฟูผิว
Biostimulator คือ สารที่ใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง เพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง กระชับ และลดเลือนริ้วรอย โดยจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ทำงานมากขึ้น ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ทำไมถึงเป็นที่นิยมในการฟื้นฟูผิว?
1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ Biostimulator ไม่ใช่สารเติมคอลลาเจนเข้าไปโดยตรง แต่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืนกว่า
2. ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน การกระตุ้นคอลลาเจนจะช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย และลดเลือนริ้วรอย
3. ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น ก็จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
4. ผลลัพธ์ยาวนาน ผลลัพธ์จากการใช้ Biostimulator สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator และปัจจัยอื่นๆ ของแต่ละบุคคล
5. เหมาะกับปัญหาผิวที่หลากหลาย Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หรือต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น

รู้จักสารแต่ละชนิด PLLA, PDLLA, PCL, PDO และ CaHA คืออะไร?
PLLA, PDLLA, PCL, PDO และ CaHA คือสารกระตุ้นสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulators) ที่ใช้ในวงการความงามเพื่อฟื้นฟูและยกกระชับผิว โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
- PLLA (Poly-L-Lactic Acid) : เป็นพอลีเมอร์สังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยกกระชับขึ้น PLLA มักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
- PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) : เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและการกระจายตัวในเนื้อเยื่อที่ดีซึ่ง PDLLA เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวในระยะยาว เช่น การฟื้นฟูเซลล์ผิว รักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
- PCL (Polycaprolactone) : สารนี้ถูกพัฒนามาจากไหมละลายที่ใช้ทางการแพทย์ และเป็นพอลิเมอร์กึ่งผลึกที่สังเคราะห์ขึ้นมา สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว PCL จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- PDO (Polydioxanone) : เป็นพอลิเมอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ สามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับผิวเรียบเนียน ลดเลือนความหมองคล้ำ ใช้ได้หลากหลายบริเวณ
- CaHA (Calcium Hydroxylapatite) : เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีโครงสร้างคล้ายกระดูกและฟัน CaHA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้น

เปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นของแต่ละสาร
สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งเหมาะกับสภาพผิวและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้ การเลือกใช้จึงควรพิจารณาจากความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยสรุปคุณสมบัติเด่นของ Biostimulator แต่ละชนิด ดังนี้
Biostimulator | จุดเด่น | เหมาะกับ |
---|---|---|
PLLA | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I &Type 3 | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ยั่งยืน |
PDLLA | งานผิว, เป็นธรรมชาติ, ผิวฉ่ำ | ผิวชั้นตื้น บำรุงผิวเป็นหลัก |
PDO | ฟื้นฟูผิว, ลดริ้วรอย, สร้างคอลลาเจน | ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน |
PCL | กระตุ้นคอลลาเจน ลดจุดด่างดำ | ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย, ร่องลึก, ผิวหมองคล้ำ |
CaHA | เติมเต็มผิว, ลดริ้วรอย, สร้างคอลลาเจน | ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย, ร่องลึก, ผิวหย่อนคล้อย |
ผลลัพธ์หลังฉีด : ความแตกต่างระหว่าง PLLA, PDLLA, PCL, PDO และ CaHA
ผลลัพธ์หลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) อย่าง PLLA, PDLLA, PCL, PDO และ CaHA จะแตกต่างกันในเรื่องของระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์และความยาวนานของผลลัพธ์ ดังนี้
ความแตกต่างของผลลัพธ์หลังฉีด
- PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ยาวนาน โดยจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์แรกและคงอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน
- PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid)
คล้ายกับ PLLA แต่มีระยะเวลาที่เห็นผลเต็มที่อาจจะช้ากว่าเล็กน้อย โดยจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 6 สัปดาห์และคงอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- PCL (Polycaprolactone)
เป็นสารที่กระตุ้นคอลลาเจนอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน โดยจะเห็นผลในช่วง 6 เดือน และคงอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
- PDO (Polydioxanone)
เป็นสารที่สลายตัวได้เร็วกว่า PLLA และ PCL แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยจะเห็นผลในช่วง 4 สัปดาห์และคงอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนอีกชนิดหนึ่ง เน้นการสร้างมุมกรอบหน้า ที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18 เดือน
ระยะเวลาการเห็นผลและความคงทนของแต่ละชนิด
Biostimulator แต่ละชนิดมีระยะเวลาเห็นผลและความคงทนที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ประมาณ 1 เดือนหลังฉีด และผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้อาจอยู่ได้นานตั้งแต่ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator และการดูแลตัวเอง
ระยะเวลาการเห็นผล
- ช่วงแรก (1 เดือนหลังฉีด) เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น
- ช่วง 1-3 เดือน ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากร่างกายเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วง 6 เดือน ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนที่สุด (optimal effect)
ความคงทนของผลลัพธ์
- Biostimulator PLLA ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นาน 24 เดือน
- Biostimulator PDLLA ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Biostimulator PCL ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นาน 24 เดือน
- Biostimulator PDO ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- Biostimulator CaHA ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นาน 18 เดือน

เหมาะกับใคร? เลือกให้ตรงกับสภาพผิวและปัญหา
สาร Biostimulator แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรเลือกพิจารณา ดังนี้
1. ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป
Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความร่วงโรยของผิว เช่น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
2. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบธรรมชาติ
Biostimulator เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายในร่างกาย ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนการฉีดฟิลเลอร์
3. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
Biostimulator ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น
4. ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
Biostimulator ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
5. ผู้ที่ต้องการผิวอิ่มฟู ฉ่ำวาว
Biostimulator ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์
6. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
Biostimulator ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าหัตถการอื่นๆ
ข้อควรรู้ก่อนฉีด Biostimulator แต่ละประเภท
ก่อนฉีด Biostimulator แต่ละประเภท สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและข้อควรพิจารณาก่อนฉีดแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว การเตรียมตัวก่อนฉีด Biostimulator คล้ายคลึงกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีด โดยเน้นที่การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง หรือรบกวนการทำงานของสาร Biostimulator
ข้อควรรู้และข้อควรปฏิบัติก่อนฉีด Biostimulator
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกผลิตภัณฑ์ Biostimulator ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ
2. แจ้งประวัติสุขภาพ
แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ใช้อย่างละเอียดแก่แพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและข้อควรระวัง
3. งดยาและอาหารเสริมบางชนิด
ควรงดยาต้านการอักเสบ (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน) วิตามินบางชนิด (เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา) และยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยฟกช้ำ
4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 1-3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม ช้ำ และแดง
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฉีดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น
6. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า เช่น การขัดผิว หรือการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนฉีด
7. ความคาดหวังสำหรับผลลัพธ์
Biostimulator จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ดังนั้นผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
สรุปสาร Biostimulator แบบไหนตอบโจทย์คุณที่สุด
การเลือก Biostimulator แบบไหนดีสุด และเหมาะสมกับคุณที่สุด ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและเป้าหมายที่ต้องการ หากคุณต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส กระชับ และเรียบเนียนในระยะเวลาอันสั้น Biostimulator จำพวก PDO และ PDLLA อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและเห็นผลลัพธที่ดูเป็นธรรมชาติ PLLA จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือก Biostimulator ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ