ไขมันดื้อ (Stubborn Fat) คืออะไร?
ไขมันดื้อ หรือ Stubborn Fat หมายถึงเนื้อเยื่อ ไขมัน ที่เกิดการต่อต้านการเผาผลาญของพลังงาน มักจะพบว่าสะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นขา และต้นแขน ซึ่งกลไกของการเกิดไขมันดื้อเกิดจากตัวรับ 2 ชนิด คือ Alpha-2 receptors และ Beta-2 receptors ทั้งสองตัวนี้เป็นตัวรับที่สำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย
- Alpha-2 receptors คือ ตัวรับที่ขัดขวางการเผาผลาญ ไขมัน โดยจะนำไขมันที่สะสมออกมาใช้ภายหลัง
- Beta-2 receptors คือ ตัวรับที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ โดยจะนำไขมันเอาออกมาใช้งานในช่วงที่ออกกำลังกาย และคุมอาหาร
บริเวณที่มีไขมันดื้อ จะมี Alpha-2 receptors สูงกว่า Beta-2 receptors จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงกำจัดไขมันบริเวณนั้นออกไปได้ยาก

สาเหตุที่ออกกำลังกาย-คุมอาหาร แต่ไขมันบางจุดไม่ยอมลด
การออกกำลังกาย คือ การที่ร่างกายทำงานเพิ่มขึ้น พลังงานถูกเผาผลาญตามไป ส่งผลให้เราลดน้ำหนักได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก หรือลดไขมัน ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่พบกันได้บ่อยคือพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยจะมีสาเหตุอะไรบ้าง ดังนี้
- การออกกำลังกายผิดวิธี
การออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไป หรือเกินกว่าร่างกาย สรีระจะรับได้ อาจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บ หรือเกิดความเครียด จึงทำให้การดึงพลังงานออกมาใช้งานได้น้อย การเผาผลาญน้อยลงไปด้วย ทำให้ไขมันลดได้ช้า - การรับประทานอาหาร
การทานอาหารมากจนเกินไป หรือไม่ถูกวิธี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสม การควบคุมน้ำหนักจึงต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่สมดุลควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง หากเรารับพลังงานจากอาหารเท่ากับพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน น้ำหนักจะคงที่ แต่หากต้องการลดไขมัน ควรทำให้ร่างกายเกิดภาวะพลังงานขาดดุล (Calorie Deficit) โดยการลดปริมาณอาหารที่รับประทานลงอย่างเหมาะสม หรือเพิ่มการออกกำลังกาย เมื่อพลังงานที่ใช้มากกว่าที่ได้รับ ร่างกายจะดึงไขมันสะสมออกมาใช้เป็นพลังงาน อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ลดแคลอรีอย่างเดียว แต่ควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ ผัก ผลไม้ และไขมันดี - การดื่มน้ำน้อยเกินไป
เนื่องจากน้ำเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญต่อร่างกาย หากระดับน้ำในร่างกายเพียงพอ การทำงานของระบบเผาผลาญ และสุขภาพก็จะสมดุลมากขึ้น และช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายได้ด้วย - การพักผ่อนไม่เพียงพอ และความเครียด
การนอนหลับเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกาย หากนอนน้อย หรือพักผ่อนไม่เป็นเวลา จะส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวน การฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกายพัง อ่อนเพลียง่าย ระบบเผาผลาญบกพร่อง ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ทำให้การลดน้ำหนักยาก มีอุปสรรค บวกกับความเครียดก็ส่งผลถึงระบบการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ไขมันที่สะสมยังคงอยู่ - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มสำเร็จรูป
เครื่องดื่มแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์ เหล้า น้ำอัดลม หรือน้ำหวานล้วนแล้วแต่มีพลังงานสะสม และน้ำตาล หากดื่มมากเกินไป ดื่มบ่อย ดื่มเป็นประจำก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ร่างกายไม่สามารถนำมาใช้ได้หมดเกิดการสะสมไว้ในร่างกาย เผาผลาญออกยาก
โซนที่มักมีไขมันดื้อสะสมมากที่สุด
- ไขมันเหนียง ไขมันบริเวณใต้คาง หรือเหนียงเกิดจากไขมันที่สะสม และความหย่อนคล้อยของผิวหนัง
- ไขมันหน้าท้อง (Visceral Fat) มักเป็นส่วนที่ลดได้ยาก เป็นไขมันที่เกาะอยู่ตามอวัยวะภายในช่องท้อง หากสะสมมากเกินไปสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ภาวะไขมันพอกตับ หรือไขมันในเลือดสูง และอื่น ๆ
- ไขมันสะโพก ไขมันที่สะสมบริเวณสะโพก หรือก้น ส่วนใหญ่มักจะพบในเพศหญิง ซึ่งสำหรับหากสะสมในปริมาณที่พอเหมาะสามารถช่วยเสริมให้รูปร่างดูมีสัดส่วนขึ้นได้ แต่หากสะสมมากจนเกินไปก็อย่างทำให้ดูหุ่นหนาใหญ่ได้ มักเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือพฤติกรรมการกิน และใช้ชีวิต
- ไขมันต้นขา ส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิง มีลักษณะผิวไม่เรียบเนียน หรือผิวเปลือกส้ม เกิดจากกรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พฤติกรรมการกิน และใช้ชีวิต
- ไขมันต้นแขน เกิดจากการสะสมไขมันจากพฤติกรรมการกิน ใช้ชีวิต ฮอร์โมน และกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นไขมันที่สะสมได้ง่าย
ทำไมไขมันดื้อถึงกลับมาได้ง่าย
สาเหตุหลัก ๆ ของการกลับมาของไขมัน มักเกิดจากการขาดวินัย และไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง พอกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ร่างกายก็สะสมไขมันกลับมาเหมือนเดิม สิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมน้ำหนักให้คงที่ ไม่ใช่เพียงการลดแบบเร่งด่วนชั่วคราวแต่คือการสร้างวินัย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามโภชนาการ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การดูแลภาวะจิตใจ และการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของฮอร์โมนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง หากพักผ่อนไม่เพียงพอร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งกระตุ้นความหิวหลั่งออกมามากขึ้น ขณะเดียวกันฮอร์โมน เลปติน (Leptin) ที่ทำหน้าที่ควบคุมความอิ่มจะลดลง ส่งผลให้เรารู้สึกหิวบ่อย กินมากขึ้น และระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ไขมันกลับมาสะสมได้ง่าย
วิธีสลายไขมันเฉพาะจุดที่นิยมในปัจจุบัน
แม้ว่าการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายจะสามารถช่วยลดไขมันได้แต่ยังมีบางบริเวณที่มีการสะสมไขมันดื้ออยู่ หรือไขมันที่มีการต้านระบบเผาผลาญ ส่งผลให้บริเวณนั้นสลายออกไปได้ยาก ลดได้ช้าลง ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีวิธีการลดหรือสลายไขมันที่เร่งด่วน คือการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ในการช่วยสลายไขมัน และสามารถลดไขมันเฉพาะจุดที่ลดยากได้
โปรแกรมลดไขมันเฉพาะจุด
โปรแกรมลดไขมันเฉพาะจุด คือนวัตกรรมการใช้สารที่มีคุณสมบัติในการสลายไขมันเฉพาะจุดที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยตัวยาจะทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและถูกขับออกผ่านทางระบบขับถ่ายตามธรรมชาติ ทำให้บริเวณที่นั้นมีปริมาณไขมันลดลง ส่งผลให้รูปหน้าหรือรูปร่างได้สัดส่วนตามที่ต้องการ วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบไม่ต้องพักฟื้นนาน และเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกภายใน 5-7 วัน โดยจะเห็นผลชัดเจนที่สุดหลังจาก 1-2 สัปดาห์ สลายไขมันได้ประมาณ 10-15% นิยมใช้บริเวณแก้ม เหนียงหรือใต้คาง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก

โปรแกรมดูดไขมัน (Liposuction)
การดูดไขมัน คือการใช้เครื่องมือขนาดเล็กสอดเข้าไปชั้นไขมันเพื่อดูดเซลล์ไขมันส่วนเกินออก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณไขมัน หรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เห็นผลได้ทันที แต่หลังทำอาจมีรอยแผล มีอาการปวดระบม ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ และอาจมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
โปรแกรม สลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis)
Cryolipolysis เป็นเทคโนโลยีการใช้ความเย็นในการช่วยกำจัดเซลล์ไขมันโดยการเปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันเป็นผลึกน้ำแข็งก่อนสลายออกไปตามกระบวนการกำจัดไขมันของร่างกาย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลหลังทำชัดเจนประมาณ 20-25% ผลลัพธ์คงอยู่ถาวรอย่างน้อย 8 เดือนหลังการรักษา (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และการปฎิบัติตัวของผู้ป่วย) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ต้นขา สะโพก หรือต้นแขน

โปรแกรมสลายไขมันด้วย RF คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency)
เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) ในการกระตุ้นการสั่นของโมเลกุลน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดความร้อนลึกในชั้นผิว และไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน พร้อมช่วยสลายไขมันส่วนเกินบางส่วน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย, ต้องการฟื้นฟูความกระชับของผิว และมีไขมันเล็กน้อย

โปรแกรมสลายไขมันด้วยคลื่นเสียง (Ultrasound)
เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) โดยจะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวนั้นหดตัวทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง ต้นแขน และต้นขา เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก ประมาณ 20% โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และการปฎิบัติตัวของผู้ป่วย)

สรุป
ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารเท่าไหร่ก็ไม่ลดสักที อาจเกิดจากการคุมอาหารหรือการออกกำลังกายที่ผิดวิธี และหากจะลดไขมันดื้อด้านต้องใช้ระยะเวลานาน ปัจจุบันจึงมีการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ในการช่วยสลาย ไขมัน และลดไขมันเฉพาะจุดเพื่อความรวดเร็ว และตรงจุดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมลดไขมันเฉพาะจุด โปรแกรมดูดไขมัน และการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในการช่วยสลายไขมัน อย่างไรก็ตาม การลดไขมันด้วยวิธีเร่งด่วนไม่สามารถแทนการดูแลสุขภาพได้ แต่เป็นตัวช่วยเสริมที่ทำงานควบคู่กับการออกกำลังกาย และการกินอย่างสมดุล เมื่อปรับทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน จะได้ทั้งสุขภาพที่ดี และรูปร่างที่ดูสมส่วน กระชับ อย่างยั่งยืน

สนใจผลิตภัณฑ์ InnoModela สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กด @Line ด้านล่างได้เลยค่ะ
