DRIP วิตามินผิว 5 คำถามยอดฮิต เฉลยคำตอบของผิวสุขภาพดี

DRIP วิตามินผิว 5 คำถามยอดฮิต เฉลยคำตอบของผิวสุขภาพดี

ในปัจจุบันการดริปวิตามินบำรุงผิวพรรณให้ดูสดใส กำลังเป็นที่นิยมขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในสาวๆ ที่อยากจะมีผิวขาวกระจ่างใส แลดูสุขภาพดีและดูมีออร่า นี่ถือเป็นเป้าหมายที่สาวๆ ส่วนใหญ่ต้องการ ทางเลือกที่เชื่อกันว่าเห็นผลได้เร็ว คือ การทำให้ผิวขาวใสด้วยการ “ดริป” ซึ่งเชื่อกันว่าให้ผลค่อนข้างชัดเจน สามารถเปลี่ยนความคล้ำเสียของผิวให้กลับมาขาวใสเรียบเนียนได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำหัตถการดังกล่าว เราควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้ทราบว่าการฉีดวิตามินผิวนั้นมีอันตรายอะไรหรือไม่? ฉีดแล้วผิวจะดีขึ้นจริงไหม? ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล? มีคำตอบให้ในบทความนี้ตามมาดูกันเลย

สารบัญ

การดริปวิตามินผิว คืออะไร ?

การดริปวิตามินผิว คืออะไร ?

การดริปวิตามินผิว หลายคนอาจรู้จักในชื่อของ “IV Vitamin therapy” หรือเรียกอีกอย่างว่า “IV Vitamin drip” คำว่า IV นั้น ย่อมาจาก Intravenous ซึ่งมีความหมายว่า หลอดเลือดดำ การให้วิตามินในรูปแบบนี้จึงหมายถึงการ ดริปวิตามินผิว หรือการให้สารน้ำผ่านทางเส้นเลือดดำเข้าสู่ร่างกายโดยตรงนั่นเอง

การดริปวิตามินผิว จะต่างจากการรับวิตามินรูปแบบอื่นๆไม่ว่าเป็นการกิน การทา ที่ต้องอาศัยกระบวนการย่อย ดูดซึม หรือการคัดกรองต่างๆ เพื่อนำวิตามินเข้าสู่ร่างกาย ตัวอย่างเช่น การรับวิตามินด้วยการรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นจากผัก ผลไม้ หรือจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะต้องผ่านการทำงานของกระเพาะและระบบย่อยอาหาร ซึ่งร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้เพียงประมาณ 50% ในขณะที่การดริปวิตามินผิวร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้มากถึง 90%

ดริปวิตามินผิว ทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ ?

ดริปวิตามินผิว ทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ ?

สำหรับการดริปวิตามินผิว ที่ใช้ในการเสริมความงามนั้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบของ Vitamin C, ALA, NAC, Glutathiole สารต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสารที่ให้ประโยชน์กับผิวของเรา ดังนั้นการ ดริปวิตามินผิว ด้วยสารต่างๆ เหล่านี้ ก็มักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปตามปัญหาผิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคล จุดเด่น คือ จะช่วยสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีส่วนช่วยให้ลดการสร้างเม็ดสีผิว (Melanin) ดังนั้นการ ฉีดวิตามินผิวจึงช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น

ดริปวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล และอันตรายไหม ?

ดริปวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล และอันตรายไหม ?

ระยะเวลาที่จะเห็นผลอยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความถี่ในการดริป ในช่วงแรกอาจจะสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วก็สามารถทิ้งช่วงได้เป็นเดือนละ 1 ครั้งได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ที่ใช้บริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดค่ะ

เรื่องความปลอดภัยนั้น หากต้องการดริปวิตามินผิวอย่างปลอดภัยควรค้นหาข้อมูลให้พร้อมว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ไหนได้รับการรับรองตามมาตรฐานและสะอาด ตรวจร่างกายให้ถี่ถ้วนว่ามีอาการหรือโรคที่การ ดริปวิตามินผิว มีผลข้างเคียงน้อยที่สุดและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

ดริปวิตามินผิว ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม ?

ดริปวิตามินผิว ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม ?

จริงๆ แล้วไม่มีข้อห้ามว่าหลังดริปวิตามินผิวใส แล้วห้ามดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทางที่ดีเราจะแนะนำให้หลีกเลี่ยง เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ จะก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระ (Free Radical) ขึ้นในร่างกาย ซึ่งการมีสารนี้ในร่างกายมากๆ จะส่งผลให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมเร็ว ผิวเหี่ยวย่น หากอยากให้หลังดริปวิตามินผิวแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ควรละเว้นการดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอื่นๆ ที่ทำร้ายผิวพรรณ

หยุดดริป IV Vitamin Therapy แล้วผิวจะกลับมาคล้ำหรือไม่ ?

หยุดดริป IV Vitamin Therapy แล้วผิวจะกลับมาคล้ำหรือไม่ ?

หากมีดูแลให้วิตามินแบบต่อเนื่องก็สามารถคงสภาพสีผิวที่ต้องการได้อย่างตลอด แต่หากหยุดการให้วิตามินผิวไปสีผิวเราก็จะกลับมาเป็นสีผิวดั้งเดิมตามกรรมพันธุ์ที่ได้รับ แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงดูแลและป้องกันผิวในแต่ละวัน

เรื่องล่าสุด
ความต่างระหว่างของผิวสุขภาพดี หน้ามัน VS หน้าฉ่ำวาว
ปัญหาผิว

ความต่างระหว่างของผิวสุขภาพดี หน้ามัน VS หน้าฉ่ำวาว

น้าฉ่ำวาว หรือหน้ามันกันแน่สาวๆ หลายคนอาจจะยังแยกไม่ออกว่าหน้าฉ่ำวาว ดุจกระจก หรือ แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ “หน้ามัน”

แขนใหญ่ เพราะอะไร เช็คง่ายๆ แก้ไขไม่ยาก
เมโสแฟต

แขนใหญ่ เพราะอะไร เช็คง่ายๆ แก้ไขไม่ยาก

ปัญหาหนักใจของสาวๆ ไม่แพ้เรื่องขาก็เรื่องแขน อยากใส่เสื้อแขนกุด แต่ไม่มั่นใจ หรือถึงจะรูปร่างผอมขนาดไหนแต่แขนใหญ่ก็ดูอ้วน ปัญหาเหล่านี้ เราต้องเช็ค

หน้าผากย่น แก้ยังไง
สาระน่ารู้

หน้าผากย่น แก้ยังไง? รวมสาเหตุ วิธีรักษาและป้องกันริ้วรอยก่อนวัย 

ริ้วรอยบนหน้าผากเป็นสัญญาณแห่งวัยที่ไม่มีใครอยากเจอ เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังอาจท