“ผิวหนังย้วย” หย่อนยาน ไม่กระชับ มีสาเหตุ จากอะไร ?

“ผิวหนังย้วย” หย่อนยาน ไม่กระชับ มีสาเหตุ จากอะไร?

ผิวหนังหย่อนคล้อย ไม่กระชับ อาจไม่ใช่แค่เรื่องอายุ! รู้ทันสาเหตุของผิวย้วย พร้อมวิธีดูแลให้ผิวกลับมาเต่งตึงอีกครั้ง

สารบัญ

โครงสร้างผิว แบ่งออกเป็น 3 ชั้นย่อย

  • หนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นที่อยู่นอกสุดทำหน้าที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ สิ่งแปลกปลอมและแบคทีเรีย ช่วยควบคุมอุณภูมิร่างกาย ปรับสมดุล pH และยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิวอีกด้วย
  • หนังแท้ (Dermis) ชั้นหนังแท้เป็นชั้นที่บ่งบอกถึงสุภาพผิว องค์ประกอบหลักได้แก่ คอลลาเจน และอิลาสติน ทำหน้าที่ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่น และยังมี ไฮยาลูรอน ทำหน้าที่กักเก็บน้ำให้ผิวและเชื่อมคอลลาเจนกับอิลาสตินไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ชั้นหนังแท้ยังเป็นที่อยู่ของต่อมน้ำเหลือง เส้นประสาท เซลล์รากผม
  • ชั้นใต้ผิวหนังหรือชั้นไขมัน (Subcutaneous) ประกอบด้วยซลล์ไขมัน (adipocyte) จำนวนมาก ทำหน้าที่กักเก็บพลังงาน ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และเป็นเหมือนเบาะกันกระแทกให้กับอวัยวะภายใน
โครงสร้างผิว แบ่งออกเป็น 3 ชั้นย่อย

ผิวที่หย่อนคล้อยต่างกับผิวที่เต่งตึง อย่างไร

ผิวหนังย้วย หย่อนยาน ดูเหี่ยวย่น ไม่กระชับ เกิดได้กับทุกช่วงวัยโดยเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักๆ คือคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวลดลง ทำให้ผิวขาดความแข็งแรง ขาดความยืดหยุ่น ผิวจึงดูไม่กระชับ มักเกิดกับคนที่อายุเยอะ ตากแดดเป็นประจำ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่

  • การสูญเสียไขมันในผิวหนังชั้นลึก เพราะไขมันใต้ชั้นผิวถือเป็นตัวช่วยเสริมรูปทรงของใบหน้าและลำตัวให้คงรูปอยู่ได้ดี การสูญเสียไขมันทำให้ผิวเกิดการยุบตัวได้ ผิวจึงดูหย่อนคล้อย พบในคนที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือคนที่ดูดไขมัน ทำให้ไขมันหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวที่เคยยืดออกจึงหดกลับมาได้ไม่ทัน กลายเป็นความหย่อนยานของผิวได้
ผิวที่หย่อนคล้อยต่างกับผิวที่เต่งตึง อย่างไร

สาเหตุผิวหย่อนคล้อย

  • อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนจะลดลงแต่อัตราการสลายคอลลาเจนยังคงเหมือนเดิม ทำให้โดยรวมปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลง ผิวจึงขาดความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ผิวดูไม่เต่งตึงเปล่งปลั่งเหมือนตอนเด็กๆ นอกจากนี้ไฮยาลูรอนในผิวก็ลดลงเช่นกันทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดเป็นรอยเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะริ้วรอยตีนกาบริเวณใบหน้า
  • การพักผ่อน การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมาซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวขาดความเต่งตึง เปล่งปลั่ง
  • การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่จะทำให้ประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดลดลงเลือดจึงไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆได้ไม่ดี และยังทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังอีกด้วย ทำให้ผิวขาดความกระชับ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้ง และผิวหย่อนคล้อยตามมา
  • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ในตอนที่มีน้ำหนักตัวมากขึ้นผิวหนังจะมีการยืดขยายออกเพื่อรองรับการสะสมไขมันในร่างกาย การลดน้ำหนักที่ผิดวิธีหรือการที่น้ำหนักลดลงเร็วจนเกินไป ทำให้ไขมันในชั้นผิวหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวที่เคยยืดออกอาจหดกลับมาได้ไม่ทันกลายเป็นผิวหนังส่วนเกินหย่อนยานหลังลดน้ำหนัก โดยเฉพาะบริเวณท้องแขน หน้าอก หน้าท้อง และต้นขา
  • การสลายไขมัน
    • เมโสแฟต ตัวเลือกแรกๆ ของคนที่อยากปรับรูปหน้าหรือลดสัดส่วน อาจทำให้ผิวดูห้อยได้หากฉีดสลายไขมันในชั้นลึกเกินไปหรือใช้สารสกัดที่ทำลายเซลล์ไขมันแบบรุนแรงซึ่งจะเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว แต่อาจทำให้หน้าดูห้อยได้
    • ดูดไขมัน อีกหนึ่งทางลัดในการลดสัดส่วนที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นผลอย่างชัดเจนและรวดเร็ว แต่การดูดไขมันเป็นการทำให้ชั้นไขมันหายไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากการที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผิวมาก ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามมา
  • แม่หลังคลอด ในขณะที่ตั้งครรภ์ผิวหนังจะมีการยืดขยายออกมากโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ทำให้หลังคลอดบริเวณหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขนที่เคยขยายออกเกิดความหย่อนคล้อยขาดความกระชับ นอกจากนี้ระหว่างการตั้งครรภ์ร่างกายจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน สูงขึ้นเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารก หลังจากการคลอดลูกฮอร์โมนจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ ผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น ผิวเหี่ยวย่น

วิธีป้องกันผิวหย่อนยาน

  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นดูสุขภาพดี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไปเป็นประจำ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยออกแบบเวทเทรนนิ่งสลับกับแบบคาร์ดิโอ โดยต้องไม่อดอาหารโดยเฉพาะโปรตีนที่เป็นส่วนสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
  • หากต้องการสลายไขมัน ให้เลือกใช้เมโสแฟตที่มีส่วนผสมของสารยกกระชับด้วย
  • หลังจากดูดไขมันแล้ว ควรใส่ชุดยกกระชับตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

เมโส (Mesotherapy)

เป็นการใช้สารสกัดเพื่อช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูผิวทำผิวหน้าดูกระชับขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ผิวไม่ได้หย่อนคล้อยมาก คนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้านไปที่เว็บเราได้นะอันนี้ ผิวหมองคล้ำไปที่เว็บเราได้นะอันนี้ ไม่กระจ่างใสร่วมด้วย

ข้อดี

  • เริ่มเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์
  • มีหลายยี่ห้อ หลายราคาให้เลือก
  • ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ
  • ไม่เหมาะกับการใช้ในบริเวณกว้างอย่างการยกกระชับสัดส่วนลำตัว

ข้อควรระวัง

  • ไม่แนะนำให้ฉีดในคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ห้ามฉีดในคนที่มีประวัติแพ้สารสกัดที่เป็นส่วนประกอบของเมโส

โบท็อก (Botox)

นอกจากจะช่วยให้หน้าเรียว ช่วยลดเลือนริ้วรอยแล้ว โบท็อกยังสามารถช่วย ลิฟกรอบหน้า ได้อีกด้วย โดยการฉีดเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้าที่ดึงให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมีริ้วรอย โดยผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟหน้าเริ่มเห็นผลใน 3- 5 วันหลังฉีด จากนั้นใบหน้าจะยกขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-2 สัปดาห์และคงอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน

ข้อดี

  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือนหลังการฉีด 1 ครั้ง
  • มีหลายยี่ห้อ หลายราคาให้เลือก
  • ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้
  • ไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ

ข้อควรระวัง

  • ไม่แนะนำให้ฉีดในคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ห้ามฉีดในคนที่มีประวัติแพ้ Botulinum toxin
  • ห้ามฉีดในคนที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ
  • ห้ามฉีดในคนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ห้ามฉีดในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในการกลืน
  • ห้ามฉีดในคนที่ผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะฉีดโบท็อก

ฟิลเลอร์ (Filler)

เป็นการใช้ไฮยาลูรอนชนิด cross link หรือสารเติมเต็มอื่นๆ ช่วยเติมเต็มร่องใต้ผิวและช่วยให้ผิวดูกระชับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้าพร้อมแก้ปัญหารูปหน้าไม่เท่ากัน เพราะเป็นการเติมปาก เติมคาง เติมร่องริ้วรอย ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ให้ดูเต่งตึงและเรียบเนียนขึ้น

ข้อดี

  • เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีและคงอยู่นาน 8-12 เดือน
  • ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ

ข้อควรระวัง

  • ห้ามฉีดในคนที่ผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
  • ห้ามฉีดในคนที่แพ้ยาชา

เลเซอร์ (Laser)

เป็นการใช้เครื่องมือเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อเป็นการช่วยกระชับใบหน้า พร้อมกับช่วยลดเลือนริ้วรอย รวมถึงจุดด่างดำบนใบหน้าได้

ข้อดี

  • ช่วยยกกระชับได้ทั้งใบหน้าและลำตัว พร้อมกับช่วยลดเลือนรอยดำได้
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์คงอยู่ไม่นาน
  • ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
  • หลังทำต้องเลี่ยงแสงแดด

ข้อควรระวัง

  • ห้ามฉีดในคนที่ผิวอักเสบหรือติดเชื้อ
  • หลังฉีดห้ามโดนแดดจัดเป็นเวลานาน

ไฮฟู่ (Hifu)

เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ยิงลงไปใต้ชั้นผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำหัตถการดูเต่งตึง กระชับ เรียบเนียนขึ้น แก้ได้ทั้งปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่มาก

ข้อดี

  • ผลลัพธ์คงอยู่นาน 6 เดือน – 1 ปี
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • ใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์คงอยู่ไม่นานเท่าอัลเทอร่าหรือเทอร์มาจ

ข้อควรระวัง

  • คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกมาก่อน เนื่องจากความร้อนจากการทำไฮฟู่อาจทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หรือโบท็อกสั้นลง
  • คนที่เคยร้อยไหมมาก่อน ความร้อนอาจทำให้ไหมขาดได้ ควรรอให้ไหมละลายหมดก่อนทำไฮฟู่
  • ต้องถอดเครื่องประดับบริเวณที่จะทำออกก่อน
  • คนที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pace maker) ไม่แนะนำให้ทำ

อัลเทอร่า (Ulthera)

เครื่องมือยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อยและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้อีกด้วย ทำให้แก้ปัญหาได้ทั้งริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย โดยอัลเทอร่าเป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์เข้าสู่ชั้นผิวไปกระตุ้นชั้นผิวให้เกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อย ยกกระชับขึ้น กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง เหมาะกับคนที่ผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ คนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้คมชัดขึ้น รวมถึงคนที่มีริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น

ข้อดี

  • ใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว
  • ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • ราคาค่อนข้างสูง

ข้อควรระวัง

  • คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกมาก่อน เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หรือ โบท็อกสั้นลง
  • คนที่เคยร้อยไหมมาก่อน ความร้อนอาจทำให้ไหมขาดได้ ควรรอให้ไหมละลายหมดก่อนทำ
  • ต้องถอดเครื่องประดับบริเวณที่จะทำออกก่อน
  • คนที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pace maker) ไม่แนะนำให้ทำ

เทอร์มาจ (Thermage)

เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ สู่ชั้นผิว ลึกได้ถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) ช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนและอิลาสตินใหม่ขึ้นมา ทำให้ผิวหนังกระชับ เรียบเนียบ ไม่ห้อยย้อย สามารถทำได้ทั้งหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่กรอบหน้าไม่ชัด ผิวไม่กระชับ มีแก้มห้อย รวมทั้งคนที่ต้องการลดแก้ม ลดเหนียง

ข้อดี

  • กระชับผิวพร้อมลดไขมันสะสมได้
  • ผลลัพธ์คงอยู่นาน 1-2 ปี
  • ใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว
  • ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  • อาจรู้สึกเจ็บขณะทำได้เพราะเป็นการปล่อยพลังงานลงผิวชั้นลึก
  • ราคาค่อนข้างสูง

ข้อควรระวัง

  • คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกมาก่อน เนื่องจากเป็นการปล่อยพลังงานลงผิวชั้นลึกจึงอาจทำให้ผลลัพธ์ของหรือโบท็อกสั้นลง
  • คนที่เคยร้อยไหมมาก่อน ความร้อนอาจทำให้ไหมขาดได้ ควรรอให้ไหมละลายหมดก่อนทำ
  • ต้องถอดเครื่องประดับบริเวณที่จะทำออกก่อน
  • ไม่ควรทำในคนที่กำลังตั้งครรภ์
  • คนที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pace maker) ไม่แนะนำให้ทำ

ร้อยไหม (Thread lift)

เป็นการใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต่างๆ เพื่อยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยใต้ผิวหนัง โดยผิวของเส้นไหมจะมีเงี่ยงเล็กๆ เพื่อเกี่ยวเนื้อให้ยกขึ้นตามแนวเส้นไหมทำให้ผิวดูกระชับขึ้นทันทีหลังทำ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นร่างกายการสร้างคอลลาเจนรอบเส้นไหม ทำให้ผิวยังคงดูกระชับแม้ไหมจะละลายไปแล้ว

ข้อดี

  • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
  • เป็นวัสดุเดียวกันกับที่ใช้ในการเย็บแผลซึ่งปลอดภัยต่อร่างกาย
  • ผลการยกกระชับคงอยู่นาน 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นไหม
  • ยกกระชับได้ดีแม้ในคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ
  • ใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว

ข้อเสีย

  • อาจมีอาการบวมช้ำบริเวณที่ทำการร้อยไหมได้

ข้อควรระวัง

  • ห้ามทำในคนที่มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณที่จะทำ
  • ห้ามทำในคนที่แพ้ยาชา
  • คนที่มีเกล็ดเลือดต่ำหรือคนที่กินต้องกินยาละลายลิ่มเลือด เป็นประจำ ไม่ควรทำ

ผ่าตัดยกกระชับ

เป็นการผ่าตัดเก็บผิวหนังส่วนเกินออกเพื่อให้ผิวดูกระชับขึ้น เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการใช้เครื่องมือยกกระชับหรือร้อยไหมได้ หรือคนที่ต้องการผ่าตัดนำไขมันออกพร้อมกับยกกระชับไปเลย

ข้อดี

  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจนในการทำครั้งเดียว
  • ผลการยกกระชับคงอยู่นานถาวร
  • ยกกระชับได้ดีแม้ในคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ
  • ใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว

ข้อเสีย

  • มีข้อจำกัดในการทำเยอะ เช่น ในคนที่มีโรคประจำตัวหรือต้องทานยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำอาจไม่สามารถทำได้
  • หลังผ่าตัดต้องสวมใส่ชุดยกกระชับอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 1 เดือน
  • เสียเวลาในการพักฟื้นนาน
  • อาจเกิดรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด

ข้อควรระวัง

  • ห้ามทำในคนที่กำลังตั้งครรภ์
  • คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ โรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรทำ
  • ไม่ควรทำในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำหรือคนที่กินต้องกินยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำ

ไม่ควรทำในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำหรือคนที่กินต้องกินยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำ

ระยะเวลาของผลลัพธ์/การทำ 1 ครั้งความเหมาะสมประสิทธิภาพในการรักษาคะแนนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
​เมโส​1 สัปดาห์​เริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย⭐️ 👍🏻
โบท็อก6 เดือน – 1 ปีหย่อนคล้อยเล็กน้อย⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻
ฟิลเลอร์6 เดือน – 1 ปีหย่อนคล้อยเล็กน้อย⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻
​เลเซอร์3 – 6 เดือนหย่อนคล้อยเล็กน้อย⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻
​ไฮฟู่4 – 6 เดือนหย่อนคล้อยเล็กน้อย – ปานกลาง⭐️ ⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻 👍🏻
​อัลเทอร่า​1 ปีหย่อนคล้อยเล็กน้อย – ปานกลาง⭐️ ⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻 👍🏻
เทอร์มาจ1 – 2 ปีหย่อนคล้อยเล็กน้อย – ปานกลาง⭐️ ⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻 👍🏻
ร้อยไหม6 เดือน – 2 ปีหย่อนคล้อยปานกลาง – มาก⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻 👍🏻 👍🏻
​ผ่าตัดถาวรหย่อนคล้อยมาก⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️ ⭐️ 👍🏻 👍🏻 👍🏻

INNO MODELA 7 ส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ 5 ส่วนผสมทรงประสิทธิภาพในการ ลดเซลลูไลท์ “

ว่านหางจระเข้ออร์แกนิค สายพันธุ์อิตาลี (ALOE VERA) อุดมด้วยสาร Quercetin ช่วยเพิ่มการเผาพลาญของเซลล์ไขมัน

ไทโรซีน (TYROSINE) เป็นกรดอะมิโนที่ใช้เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ (T3,T4) ซึ่งจำเป็นในกระบวนการเมตาบอลิซึมของไขมัน

เกาลัดม้า (HORSE CHESTNUT) สารสกัดสำคัญจากเกาลัดม้าอย่าง Aescin มีส่วนช่วยจัดการกับปัญหาเซลลูไลท์ เพิ่มการไหลเวียนโลหิตเเละระบบน้ำเหลือง ลดไขมันและอาการบวมน้ำ

อะดีโนซีนไดฟอสเฟต (ADENOSINE DIPHOSPHATE) ช่วยเร่งการเผาพลาญไขมัน เพื่อสร้างพลังงานให้แก่เซลล์

วิตามินบี3 (VITAMIN B3) หรือไนอาซินาไมด์ ช่วยเร่งกระบวนการสลายไขมันได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

2 ส่วนผสมสำคัญที่ช่วย ป้องกันการกลับมาของไขมัน

สาหร่ายสีน้ำตาล (BLADDER WRACK) สารสำคัญอย่าง Fucoidan ที่ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนเซลล์ไขมัน ส่งผลให้ไขมันใหม่กลับมาได้ช้าลง

วิตามินอี (VITAMIN E) ต้านอนุมูลอิสระ ลดการบาดเจ็บของเซลล์ผิว ป้องกันการเกิดปัญหาเซลลูไลท์

สนใจสินค้าของ INNO MODELA สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ

เรื่องล่าสุด
ในยุคที่เทคโนโลยีด้านความงามพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจในปัจจุบันคือ โปรแกรม Planiti ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยลดเลือนริ้วรอย บทความนี้จะพาท่านไปรู้จักกับ โปรแกรม Planiti เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกดูแลผิวอย่างตรงจุดและปลอดภัยค่ะ…..

ร้อยไหมแล้วหน้าไม่ยก ไม่กระชับเท่าที่คาดไว้…เกิดจากอะไร? หลายคนผิดหวังหลังทำหัตถการ เพราะผลลัพธ์ไม่ชัดเจนอย่างที่หวัง

บทความนี้จะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้ร้อยไหมแล้ว “ไม่เห็นผล” พร้อมแนวทางป้องกันและแก้ไข เพื่อให้การร้อยไหมครั้งต่อไปได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด

…..

หนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการความงาม คือ โปรแกรม Planiti Collagen Hybrid Biostimulator PLLA ตัวใหม่จากเกาหลี ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน เติมเต็มความกระชับ ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก…..

Related Article

ปัญหาหนักใจของสาวๆ ไม่แพ้เรื่องขาก็เรื่องแขน อยากใส่เสื้อแขนกุด แต่ไม่มั่นใจ หรือถึงจะรูปร่างผอมขนาดไหนแต่แขนใหญ่ก็ดูอ้วน ปัญหาเหล่านี้ เราต้องเช็ค ดูก่อนว่าเกิดจากอะไร และสามารถแก้ไขได้อย่างไรถึงจะตรงจุด นั้นไปลอง Check และแก้ไขไปพร้อมๆกับ…..
สาวๆ หลายคนคงเคยใฝ่ฝันถึงใบหน้าเรียวสวย ไร้ไขมันส่วนเกิน แต่การจะหุ่นดี หน้าเรียว โดยไม่ต้องผ่าตัด หนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมอย่างมากเลยก็คือ การทำหัตถการเมโสแฟต แต่หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ ทำหัตถการเมโสแฟตแล้ว รู้สึกแสบหรือไม่…..
การมีไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งใบหน้าและลำตัว ถือเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลและต้องการกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย เมโสแฟตจึงกลายเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างตรงจุด แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับบริการ หลายคนก็คงมีคำถามว่า เมโสแฟตอยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง? และต้องทำซ้ำกี่ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ…..