“ปัญหาคิ้วผูกโบว์” เปลี่ยนจากหน้าดุให้เป็นหน้าหวาน

ริ้วรอย คืออะไร?

ริ้วรอย (Wrinkles) เป็นหนึ่งในปัญหาผิวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้บริเวณผิวของเราเกิดรอยยับเป็นริ้ว ร่องเส้นขึ้นมาบนผิวหนัง โดยปยปกติสามารถพบผู้ที่เกิดริ้วรอย ได้ตั้งในช่วงอายุ 25 ปี หรือบางคนก็อาจจะเกิดก่อนวัยได้ ริ้วรอยเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่โดยปกติแล้ว เมื่อเราอายุมากขึ้น ก็จะมีริ้วรอยมากขึ้นตามธรรมชาติ

หากสังเกตุเมื่อเราแสดงสีหน้า หรือแสดงอารมณ์ต่างๆ ก็จะพบว่ามีริ้วรอยตื้นๆปรากฏให้เห็น เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยร่องลึกก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากโครงสร้างผิวอ่อนแอลง ริ้วรอยยังไม่ได้เกิดขึ้นแค่บนใบหน้าเท่านั้น ผิวหนังทั้งร่างกายก็สามารถพบได้เช่นกัน จุดที่สามารถเห็นได้ชัดคือ ใบหน้า คอ มือ และแขน

ริ้วรอยแบ่งออก มี 2 ประเภท คือ

1. ริ้วรอยตื้น (Fine wrinkles) คือ มีลักษณะเป็นเส้นริ้วรอยบางๆ เกิดบนผิวชั้นหนังกำพร้า มีสาเหตุจากผิวขาดความชุ่มชื่น มีการชะล้างทำความสะอาดผิวที่รุนแรงเกินไป หรือจากมลภาวะ สภาพแวดล้อมต่างๆทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
   โดยเฉพาะบริเวณผิวที่มีลักษณะบอบบาง อย่างผิวรอบดวงตา ทำให้เห็นเป็นริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกาจางๆ หรือหน้าผากเป็นเส้นได้
2. ริ้วรอยร่องลึก (Deep wrinkles or skin folds) คือ ริ้วรอยที่เกิดจาก ความหย่อนคล้อยของโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ลงไป มีการลดลงของคอลลาเจนในผิวและการเปลี่ยนแปลงของอิลาสตินตามธรรมชาติจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือจากการแสดงสีหน้าต่างๆ และเมื่อเวลาผ่านไปมักจะมีร่องลึกขึ้นเรื่อยๆ เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก รอยร่องแก้ม ริ้วรอยระหว่างคิ้ว หรือเวลาที่ยิ้มแล้วมีริ้วรอย

ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากอะไร?

ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่

• อายุ
  เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น 

• การแสดงสีหน้า
  การแสดงสีหน้าซ้ำๆ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ การยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือการแสดงสีหน้าอื่นๆ ซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานหนัก และเกิดรอยพับถาวรเป็นริ้วรอยได้ 

• แสงแดด
  แสงแดดมี รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติและเกิดริ้วรอยได้ง่าย 

ริ้วรอยบนใบหน้า มีกี่ประเภท?

ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เกิดขึ้นได้อย่างไร

ปัญหาริ้วรอยระหว่างคิ้ว ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากการแสดงอารมณ์สีหน้าของเราเอง และสาเหตุอื่นๆ ได้แก่

• กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ควบคุมการสื่ออารมณ์ หรือ muscle of facial expression จะควบคุมการขยับส่วนต่างๆบนใบหน้าเพื่อทำให้เราสามารถสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึกออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว เวลาเครียด โกรธ หรือสงสัย แต่การขยับมากๆและนานๆเข้า จะเกิดการหดตัว เป็นรอยย่น นานวันเข้าก็จะเกิดเป็นรอยพับของผิวหนัง สร้างปัญหาริ้วรอยตามมาได้
• การเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวหนังเมื่ออายุมากขึ้น ถ้าไม่รีบป้องกันแก้ไขอาจส่งผลให้เป็นริ้วรอยถาวรได้ในที่สุด
• นอกจากนั้นการจดจ้องอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอมือถือเป็นเวลานานก็สามารถทำให้เกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน คนสมัยนี้จึงมีปัญหาริ้วรอยระหว่างคิ้วกันเยอะมากขึ้นแบบที่บางคนก็ไม่รู้ตั

วิธีแก้ปัญหา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว

วิธีที่ 1 หยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ

แนวทางแรกคือการหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ การหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อก็มี 2 วิธี คือ แบบชั่วคราวและแบบถาวร

• แบบชั่วคราว แบบชั่วคราวเป็นวิธีที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดีก็คือ การฉีด botulinum toxin A ฉีดเข้าไปเพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหยุดการทำงาน หรือทำงานได้น้อยลง กล้ามเนื้อที่เคยหดเกร็งอยู่ก็จะคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลงไป ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นการทำให้ริ้วรอยย่นนี้หายไปได้แบบไม่ถาวร ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ชั่วคราว ประมาณ 4-6 เดือน จึงทำให้ต้องกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เพื่อคงสภาพของผลลัพธ์ไว้มี ข้อดี คือ ค่าใช้จ่ายไม่สูง ทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น
• แบบถาวร ส่วนแบบถาวรก็คือการผ่าตัด ตัดกล้ามเนื้อให้ขาดออกจากกัน ข้อดีของการผ่าตัด คือได้ผลลัพธ์ที่ถาวรไม่ต้องคอยมาฉีดเป็นระยะ แต่ก็มีข้อเสียคือการผ่าตัด จะมีความยุ่งยากกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่าการฉีด Botulinum toxin

วิธีที่ 2 เติมร่องลึกให้ตื้น

แนวทางแก้รอยย่นระหว่างคิ้วแนวทางที่ 2 คือ การเติมร่องลึกให้ตื้น โดยหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อเป็นเพียงแค่การหยุดรอยย่นไม่ให้เป็นมากขึ้น เพราะรอยย่นที่เป็นร่องลึกลงไปแล้วการแก้ที่หยุดการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการเติมร่องให้ตื้นขึ้นด้วย

1. การใช้สาร Hyaluronic acid หรือที่ชอบเรียกกันว่าฟิลเลอร์ Hyaluronic acid หรือ HA ในตอนแรกสาร HA ผลิตมาโดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขริ้วรอยเล็กๆ แต่ก็ได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ในการเติมเต็มส่วนต่างๆ เช่น ขมับ ร่องแก้ม หรือเอามาเสริมคาง เสริมจมูก ทำให้ในปัจจุบันมีการพัฒนาโมเลกุลของ HA ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการเติมเต็มส่วนต่างๆที่ว่ามา และอยู่ได้นานขึ้น ข้อดีของการใช้ HA คือทำได้ง่ายและกะปริมาณได้แม่นยำ
2. การใช้ไขมันตัวเอง คือ การเติมเต็มด้วย Fat filler ใช้ไขมันตัวเองเติมปริมาตรในส่วน เรียกง่าย ๆ คือการย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนที่เราไม่ต้องการแล้ว ไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดแทนการฉีดฟิลเลอร์ ไม่มีสารสังเคราะห์หรือ สิ่งแปลกปลอม การ ฉีดไขมันหน้าผาก จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้สารเติมเต็ม และสามารถเติมในปริมาณมากได้