รู้จักประเภทของ Biostimulator
Biostimulator คือสารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนจากภายในชั้นผิว ผลิตคอลลาเจนตามกลไกของร่างกาย โดยพอลิเมอร์ที่ใช้ผลิต Biostimulators มักเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เองจึงมีปลอดภัยสูง
PLLA (Poly-L-lactic acid)
คือ พอลิเมอร์สังเคราะห์จากพืชที่สามารถย่อยสลายในร่างกายได้อย่างปลอดภัย จึงมักถูกนำมาใช้ในการแพทย์ เช่น ไหมเย็บแผล แผ่นยึดกระดูก และในส่วนของหัตถการความงาม PLLA ก็ถูกนำมาใช้กระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารคอลลาเจน แก้ปัญหาผิวที่มีปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
PCL (Polycaprolactone)
คือ พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่มักนำมาใช้ในการแพทย์ เช่น การทำกระดูกอ่อนเทียม เพราะ PCL มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถย่อยสลายได้เองอย่างปลอดภัยได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง นอกจากนี้ PCL มักถูกนำมาใช้ทางด้านเสริมความงาม เช่น ร้อยไหมยกกระชับผิว ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวให้ดูฟูมากขึ้น
PDO (Polydioxanone)
คือ พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่มักนำมาใช้ในการแพทย์ โดยเฉพาะในการทำไหมเย็บแผลผ่าตัด PDO สามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ลดเลือนริ้วรอย และปรับผิวให้ดูเรียบเนียน ให้ผลลัพธ์นาน 6-8 เดือน
CaHA (Calcium Hydroxyapatite)
คือ แร่ธาตุแคลเซียม เหมือนกับที่มีอยู่ในร่างกาย เช่น ฟัน และกระดูก ซึ่งจะถูกนำมาสังเคราะห์ และฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย จากนั้น CaHA จะกระตุ้นให้เซลล์บริเวณที่ฉีดเกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น เมื่อมีคอลลาเจนที่เพียงพอจึงทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีอย. รับรอง

ผลิตภัณฑ์ Biostimulator ที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก อย. ไทย มีหลายยี่ห้อในปัจจุบัน การเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ก่อนเข้ารับบริการ เช่น ตรวจสอบว่าได้รับการรับรองจาก อย. จริงหรือไม่ การแสกน QR Code และเข้ารับบริการในคลินิกที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

เลือกแพทย์และคลินิกที่เชี่ยวชาญ
ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมเฉพาะด้านการใช้สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ถามแพทย์ตรงๆ ว่าทำไมถึงแนะนำ หรือไม่แนะนำสารชนิดนั้น ขอดูรีวิวเคสจริงจากคนไข้ที่เคยฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) โดยแพทย์ท่านนั้น อย่าตัดสินใจจากคำว่า ของใหม่ = อันตราย เสมอไป รวมถึงการเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยจากการตรวจสอบเลขใบอนุญาตให้รอบคอบ

ประเมินสภาพผิวและความต้องการของตนเอง
ประเมินสภาพผิวและความต้องการ ในแต่ละคนมีสภาพผิวและความต้องการที่แตกต่างกัน การเลือก Biostimulator ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ พิจารณาตามการทำงานของ Biostimulator เบื้องต้น แต่ละชนิด ดังนี้
สภาพผิวที่ต้องการ PLLA : กระตุ้นสร้างคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป แน่นกระชับ ยกกระชับ ผิวแข็งแรง สำหรับการเติมเต็มบริเวณขมับ แก้มตอบ กรอบหน้า
สภาพผิวที่ต้องการ PDLLA : กระตุ้นสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ฟื้นฟูจากโครงสร้างผิว ลดเลือนริ้วรอย ชุ่มชื้นฉ่ำวาวจาก HA เติมเต็มได้หลากหลายบริเวณ
สภาพผิวที่ต้องการ PDO : กระตุ้นสร้างคอลลาเจน เติมเต็มบริเวณร่องลึก ปรับผิวเรียบเนียน ลดเลือนความหมองคล้ำ ใช้ได้หลากหลายบริเวณ
สภาพผิวที่ต้องการ PCL : กระตุ้นสร้างคอลลาเจน เติมเต็มบริเวณร่องลึก ลดเลือนความหมองคล้ำ จุดด่างดำ เติมได้ทุกบริเวณ
สภาพผิวที่ต้องการ CaHA : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผลการยกกระชับที่รวดเร็ว เติมเต็มบริเวณร่องลึก ใช้บริเวณกรอบหน้า และเติมได้หลากหลายบริเวณ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Biostimulator อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น โดยมีข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดดังนี้
1. งดทำหัตถการอื่นบนใบหน้า
- ควรงดการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า เช่น เลเซอร์, ทรีทเมนท์, หรือการฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนฉีด Biostimulator เพื่อให้ผิวได้พักฟื้นอย่างเต็มที่
2. งดยาและอาหารเสริม
- ควรงดยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน), วิตามินอี, น้ำมันปลา, และอาหารเสริมอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่อง
3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
4. ดูแลสุขภาพผิว
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด และงดแต่งหน้าก่อนการฉีด
- พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol, AHA, หรือ BHA อย่างน้อย 3-5 วันก่อนฉีด
5. แจ้งประวัติสุขภาพ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ, ประวัติการแพ้ยา, และประวัติการทำหัตถการอื่นๆ เพื่อให้แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
6. เตรียมจิตใจให้พร้อม
- Biostimulator เป็นหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในระยะเวลา 1-3 เดือน ดังนั้นควรเตรียมใจว่าผลลัพธ์จะไม่เห็นได้ทันที
วิธีดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ เพื่อผลลัพธ์ยาวนาน
หลังฉีด Biostimulator เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน ควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การกระตุ้นคอลลาเจนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
งดการจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของสารที่ฉีด
- งดแต่งหน้า
หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อ
- ประคบเย็น
หากมีอาการบวมหรือแดง สามารถประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมได้
- งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน
หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า การอบไอน้ำ หรือการออกกำลังกายหนักในสัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือบวม
- หลีกเลี่ยงแสงแดด
ปกป้องผิวจากแสงแดดและความร้อน โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยดำหรือการระคายเคือง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำจะช่วยกระตุ้นการทำงานของ Biostimulator และทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
เข้ารับการติดตามผลตามที่แพทย์นัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการบวมแดงมากผิดปกติ หรืออาการแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- การนวดหน้า
หากแพทย์แนะนำให้มีการนวดหน้าเพื่อช่วยให้ Biostimulator กระจายตัวได้ดี ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สรุป
สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ไม่ใช่สารที่อันตราย หากใช้โดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ คลินิกที่มีมาตรฐาน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง มีข้อดีในแง่ความยั่งยืนของผลลัพธ์และการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและดูเป็นธรรมชาติ เราควรรับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการทางการแพทย์
โปรแกรมใหม่ ต้องลอง! Planiti “ New Generation PLLA ”
Collagen Hybrid Biostimulator เพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน
ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
