Planiti vs Exosome เหมือนกันอย่างไร?
Planiti และ Exosome เป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ แต่มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน Planiti ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น ส่วน Exosome เป็นสารชีวภาพที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และส่งเสริมการซ่อมแซมผิว
ความเหมือน
- ทั้งสองหัตถการเน้นไปที่การกระตุ้นสร้างคอลลาเจน
- ทั้งสองหัตถการช่วยฟื้นฟูผิว และชะลอการเกิดริ้วรอย
- ทั้งสองหัตถการช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Planiti และ Exosome มีความแตกต่างกันในกลไกการทำงาน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี การเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
รู้จัก Planiti งานผิวเด็กจากประเทศเกาหลี
Planiti หรือนวัตกรรม Biostimulator ใหม่ล่าสุดจากเกาหลี ที่มีส่วนประกอบหลัก PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เป็นธรรมชาติ
PLANITI โดดเด่นกว่าตัวอื่นอย่างไร?

Planiti นั้นแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ Biostimulator อื่น ๆ เนื่องจากมีการพัฒนา PLLA ให้ได้รูปร่างของอนุภาคเป็นแบบ Hybrid particles คือมีอนุภาค 2 แบบภายในผลิตภัณฑ์ คือ
- อนุภาคแบบแบนไม่มีทรง (Irregular shape) แต่ที่พิเศษคือบริเวณพื้นผิวจะถูกพัฒนาให้ความเรียบมากขึ้น (Smooth surface) ช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงแต่ยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี
- อนุภาคแบบทรงกลม (Spherical) พบได้บ่อยในกลุ่ม PDLLA มีคุณสมบัติในการละลายและกระจายตัวได้ดีซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงลงได้
การออกแบบอนุภาคของ โปรแกรม Planiti ให้มีลักษณะกลม หรือ ผสมระหว่าง Spherical และ Irregular Shape ช่วยให้กระจายตัวได้ดีในผิวหนัง และลดโอกาสเกิดการอักเสบที่มากเกินไปจากอนุภาค PLLA ที่แหลมคม แต่ยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และปลอดภัยกว่า
เมื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์กลุ่ม Collagen biostimulator ชนิดอื่น ๆ แล้ว โปรแกรม Planiti สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการของร่างกายได้นานถึง 2 ปี และมีความปลอดภัยสูงเพราะ PLLA ที่เป็น

องค์ประกอบหลักนั้นถือเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เอง (Biodegradable) จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่เหลือสารตกค้างภายในร่างกาย อีกทั้งการเป็น Hybrid Particles ยังลดโอกาสเกิดการอักเสบที่มากเกินไปจากอนุภาค PLLA ที่แหลมคม แต่ยังคงสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีเหมือน PLLA ตัวอื่น ๆ
นอกจากนี้ Planiti ได้มีการวิจัยและพัฒนา Protocol ร่วมกับทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อให้ได้แนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ใช้จริงอีกด้วย
รู้จัก Exosome
Exosome คืออนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนที่เซลล์ในร่างกายปล่อยออกมา เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างเซลล์ โดย Exosome มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และลดการอักเสบ
Exosome คือถุงเล็ก ๆ ที่เซลล์ปล่อยออกมา ขนาด 30-150 นาโนเมตร เพื่อส่งต่อสารชีวโมเลกุลไปยังเซลล์อื่น ๆ
- ภายใน Exosome บรรจุสารสำคัญมากมาย เช่น Growth Factors, Peptides, Cytokines และโปรตีน
- Exosome ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างเซลล์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เป้าหมาย
Exosome มีประโยชน์อย่างไร?
- ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ : Exosome สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย
- ลดการอักเสบ : Exosome มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบในร่างกาย
- บำรุงผิวพรรณ : Exosome สามารถช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอย
- รักษาและฟื้นฟูแผล : Exosome สามารถช่วยสมานแผลและลดรอยแผลเป็นได้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : Exosome สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ ทำ 1 ครั้งอยู่ได้นาน 1 เดือน

Planiti vs Exosome เปรียบเทียบความแตกต่าง
Planiti และ Exosome เป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิว แต่มีกลไกการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน Planiti กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวค่อย ๆ กระชับและเต่งตึงขึ้น ส่วน Exosome เป็นสารชีวภาพที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Planiti (PLLA Biostimulator)
- กลไก : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง แบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ผลลัพธ์ยาวนาน ทำให้ผิวค่อย ๆ แข็งแรงและกระชับขึ้น
- ผลลัพธ์ : ริ้วรอยลดลง ผิวกระชับขึ้น แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏและคงอยู่ได้นานมากกว่า Exosome
- เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดคอลลาเจน และต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
Exosome
- กลไก : เป็นสารชีวภาพที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง
- ผลลัพธ์ : ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น สุขภาพดี และอ่อนเยาว์ขึ้น ทำ 1 ครั้ง อยู่ได้นาน 1 เดือน
- เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ลดริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ความถี่ของการรักษา
- PLANITI เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำ 1 ครั้งต่อเดือน ต่อเนื่อง 3 เดือนคงอยู่ได้นาน 2 ปี
- Exosome เน้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวโดยตรง ทำ 1 ครั้งอยู่ได้นาน 1 เดือน ทำต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ทำต่อเนื่อง 5 ครั้ง อยู่ได้นาน 1 ปี
สรุปความแตกต่าง Planiti vs Exosome
คุณสมบัติ | Planiti Biostimulator | Exosome |
---|---|---|
กลไกหลัก | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | ฟื้นฟูเซลล์ผิวและลดการอักเสบ |
ผลลัพธ์ | ผิวเฟิร์ม กระชับ | ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ |
ระยะเวลาเห็นผล | ค่อยเป็นค่อยไป | เร็ว (ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น) |
ความคงทน | ยาวนาน 2 ปี | ทำ 5-6 ครั้ง อยู่นาน 1 ปี |
เหมาะสำหรับ | ผิวหย่อนคล้อย ขาดคอลลาเจน | ฟื้นฟูเซลล์ผิวชั้นบน |
Planiti vs Exosome เลือกตัวไหน พิจารณาจากอะไร?
การเลือกระหว่าง Planiti และ Exosome ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดย Planiti เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนระยะยาวเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก ผิวยกกระชับขึ้น ในขณะที่ Exosome มุ่งเน้นการปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ลดรอยแดง และให้ความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว พิจารณาจาก
ปัญหาผิว
- Planiti : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และต้องการยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
- Exosome : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่าย ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยแดง และเพิ่มความชุ่มชื้น
ระยะเวลาที่ต้องการผลลัพธ์
- Planiti : เห็นผลช้ากว่า แต่ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า
- Exosome : เห็นผลเร็ว แต่ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า
ความรุนแรงของปัญหาผิว
- Planiti : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยร่องลึก
- Exosome : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่รุนแรงมาก หรือต้องการปรับสภาพผิวทั่วไป
Planiti vs Exosome เหมาะกับใคร?
- Planiti : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย
- Exosome : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้ดูสดใสขึ้น

Planiti vs Exosome ทำร่วมกันได้ไหม?
การทำ Planiti ร่วมกับ Exosome สามารถทำร่วมกันได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในการฟื้นฟูและบำรุงผิว โดย Planiti จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ในขณะที่ Exosome จะช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวชั้นตื้น พิจารณาการทำร่วมกัน ดังนี้
ระยะเวลาที่เหมาะสม
โดยทั่วไป ควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำหัตถการทั้งสองประมาณ 2-4 สัปดาห์ หากทำ Planiti ก่อน ควรทำ Exosome ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ หากทำ Exosome ก่อน ควรเว้นระยะ 2 สัปดาห์ก่อนฉีด Planiti
ข้อควรระวัง
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ที่มีประสบการณ์
สรุป
การเลือก Planiti หรือ Exosome ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการฟื้นฟูผิวชั้นบนและเห็นผลลัพธ์เร็ว Exosome แต่ถ้าหากต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติคงอยู่ได้ระยะยาว Planiti อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณได้มากที่สุด
สนใจโปรแกรม PLANITI สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กด @Line ด้านล่างได้เลยค่ะ