ฉีด Biostimulator แล้วอันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ฉีด Biostimulator แล้วอันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

อยากหน้าเด็ก ผิวตึงกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด? การฉีด Biostimulator กำลังเป็นที่นิยมในวงการความงาม เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า “มันปลอดภัยจริงไหม?” หรือ “จะมีผลข้างเคียงตามมาหรือเปล่า?”

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า Biostimulator คืออะไร อันตรายไหม และควรระวังเรื่องใดก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้คุณสวยอย่างมั่นใจ

สารบัญ

Biostimulator คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม?

ในปัจจุบันเทรนด์การดูแลผิวพรรณและการปรับรูปหน้าไม่ได้มีเพียงแค่โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นโดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นตัวเอง นั่นคือ Collagen Biostimulator หรือ “สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน”

Collagen Biostimulator คือสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นเองตามธรรมชาติ แตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นการเติมเต็มให้เห็นผลทันทีแต่คงอยู่ได้ไม่นาน ซึ่ง Collagen Biostimulator จะค่อยๆปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ใช้เวลาเห็นผลในการเติมเต็มผิวประมาณ 1-3 เดือน และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน 2 ปี  

Biostimulator คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม?

Biostimulator ปลอดภัยแค่ไหน?

Collagen Biostimulator เป็นสารที่ถูกพัฒนาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย โดยทั่วไปถือว่ามีความปลอดภัยสูง สิ่งที่การันตีความปลอดภัยของ Biostimulator มีดังนี้

  • การรับรองมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา FDA,CE,ISO,GMP สำหรับการใช้ในด้านความงาม โดยผ่านการประเมินด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพอย่างเข้มงวด
  • การใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญ ความปลอดภัยในการใช้ Biostimulator ขึ้นอยู่กับการฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
  • คลินิกที่ได้มาตรฐาน หากเลือกคลินิกที่ไม่น่าเชื่อถือในการทำหัตถการ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น เกิดการติดเชื้อ หรือผิวหนังอักเสบได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผลข้างเคียงจากการฉีด Collagen Biostimulator มักพบได้น้อย หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ส่วนความเสี่ยงที่ควรรู้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาจสังเกตได้ดังนี้

ผลข้างเคียงระยะสั้น

  • อาการบวม แดง บริเวณที่ฉีด สามารถหายเป็นปกติภายใน 1-3 วัน
  • อาการช้ำพบได้ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบางหรือหลอดเลือดตื้น
  • อาการคันหรือระคายเคือง เกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อสารที่ฉีดเข้าไป แต่จะค่อยๆดีขึ้น

ผลข้างเคียงระยะยาว

  • การเกิดก้อนนูน (Nodules) หรือเนื้อผิวไม่เรียบ เกิดจากการฉีดในชั้นผิวที่ไม่ถูกต้องหรือฉีดปริมาณมากเกินไป พบได้ในเคสที่แพทย์ไม่มีประสบการณ์และความชำนาญที่มากพอ
  • เคสที่แพ้สารใน Biostimulator อาจมีการอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้น
  • การกระตุ้นคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนังแต่เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก
  • ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การอุดตันของหลอดเลือดที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น  ส่วนใหญ่เกิดจากเทคนิคและการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม

ปัจจัยที่ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

การฉีด Biostimulator เป็นวิธีเสริมความงามที่ได้รับความนิยม แต่ยังมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น การเกิดก้อนนูน (nodules) การอักเสบเรื้อรัง หรือการติดเชื้อ เพื่อลดและป้องกันความเสี่ยงของผลข้างเคียงจากการฉีด Biostimulator จำเป็นต้องอาศัยการปฏิบัติที่ถูกต้องทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการฉีด ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ดังนี้

  1. เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานการรับรอง
  3. แพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ
  4. ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา หรือปัญหาสุขภาพ
  5. การเตรียมและเจือจางผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องและเหมาะสม
  6. การดูแลตัวเองหลังฉีดที่ถูกต้องและเหมาะสม

ข้อควรระวังก่อนฉีด Biostimulator

ก่อนตัดสินใจฉีด Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว มีข้อควรระวังก่อนฉีดที่ควรพิจารณาเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมของการรักษา
  2. งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด : เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา โสม กระเทียม และใบบัวบก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกขณะทำหัตถการมากเกินไป
  3. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ : อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของบวมช้ำ และการอักเสบ
  4. งดการทำหัตถการต่างๆบนใบหน้า : เช่น การผลัดเซลล์ผิว สครับผิว อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองและอาจทำให้อักเสบง่ายขึ้น  
  5. พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ : เพื่อให้ร่างกายพร้อมและตอบสนองได้ดีต่อการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่

สรุป

Collagen Biostimulator เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือขาดความชุ่มชื้น จัดว่าเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัยสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ควรฉีดกับแพทย์ผู้ชำนาญการในคลินิกที่ได้มาตรฐานเสมอ


โปรแกรมใหม่ ต้องลอง! Planiti “ New Generation PLLA ”
Collagen Hybrid Biostimulator เพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน 
ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

โปรแกรมใหม่ ต้องลอง! Planiti “ New Generation PLLA ”
Collagen Hybrid Biostimulator

สนใจโปรแกรม PLANITI สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กด @Line ด้านล่างได้เลยค่ะ

ค้นหาคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์

เรื่องล่าสุด
สิว ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่ละประเภทมีสาเหตุ และวิธีรักษาที่ต่างกัน การเข้าใจว่ากำลังเผชิญกับสิวแบบไหน จะช่วยให้เลือกวิธีดูแล และรักษาได้ตรงจุด ลดความเสี่ยงรอยแผลเป็น และช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอย่างปลอดภัย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวตุ่มหนอง…..
หลายคนออกกำลังกาย คุมอาหารเต็มที่ แต่พอมองกระจกก็ยังเห็น “เหนียงย้อย แก้มบวม พุงป่อง” ปัญหานี้เกิดจาก “ไขมันดื้อ” (Stubborn Fat) ไขมันที่สลายยากกว่าบริเวณอื่น แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม…..
ผมร่วงไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับใครหลายคน เพราะนอกจากทำให้ขาดความมั่นใจแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างของร่างกายที่คุณไม่รู้ตัว บางครั้งแม้จะดูแลเส้นผมดีแค่ไหน ผมก็ยังร่วงอยู่ดี มาทำความเข้าใจกับ 5 สาเหตุผมร่วงที่หลายคนมองข้าม พร้อมวิธีดูแล เพื่อให้เส้นผมของคุณกลับมาสุขภาพดี และแข็งแรงอีกครั้ง…..

Related Article

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY” แตกต่างและโดดเด่นกว่า Biostimulator ตัวอื่น ๆ คืออะไร?…..
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นผิวพรรณก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา การผลิตคอลลาเจนลดลงจนผิวขาดความกระชับ หย่อนคล้อย ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ไม่ว่าจะเป็นวิธีการดูแลตัวเองหรือหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การฉีด PRP, การฉีด Mesotherapy, การใช้เครื่องมือยกกระชับ,…..
ในวงการความงาม PLLA (Poly L-lactic acid) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่เพียงช่วยยกกระชับผิว แต่ยังฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูเต่งตึง อิ่มฟู และคงความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว…..