การกรอผิว (Microdermabrasion)
การกรอผิวเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเร่งการผลัดเซลล์ผิวด้วยด้วยอัญมณีขนาดเล็ก (Micropeel) หรือละอองน้ำ (Hydropeel) ทำให้รอยดำจางลง โดยทั่วไปจัดว่าเทคนิค microdermabrasion ค่อนข้างปลอดภัย ไม่เกิดบาดแผลหรือตกสะเก็ด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยไหม้ แต่ต้องทำต่อเนื่อง และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า กระในผิวชั้นลึก เพราะเทคนิคนี้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเท่านั้นแต่ไม่ได้ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา
ข้อควรระวัง
- ระวังในผู้ที่กำลังกินยา Isotretinoin หรือหยุดยามาไม่ครบ 1 ปี
- ระวังในผู้เป็นเริม มะเร็งผิวหนัง หรือมีผิวหนังอักเสบ
- ควรให้ผู้ป่วยสวมแว่นป้องกันขณะทำ
- อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด
- ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำไม่ควรออกไปเจอแสงแดดแรงๆ เพราะชั้นผิวบางลง ไวต่อแดดมากขึ้น
อาการแทรกซ้อน
- พบได้น้อย ที่เคยมีรายงานคืออาการตาแดง กลัวแสง เยื่อบุนัยน์ตาบวมแดง
- อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่าย เกิดบาดแผลถลอก และมีเลือดออกได้
ฉีดเมโส (Mesotherapy)
เป็นการฉีดสารสกัดลดเลือนจุดด่างดำ เช่น Tranexamic Acid กรดโคจิก อาร์บูติน กลูต้าไธโอน เช่นเดียวกันกับการใช้ครีม แต่การฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังจะเห็นผลรวดเร็วกว่าการทาครีม ละยังช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใสได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
- ควรระวังการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกัน
- อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด
- งดล้างหน้า หรือให้หน้าโดนน้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
อาการแทรกซ้อน
- พบได้น้อย แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายหรือมีอาการแพ้ได้ในบางราย
ฉีดสเต็มเซล์ (Stem cell therapy)
สเต็มเซลล์มีส่วนช่วนในการลดรอยด่างดำมีงานวิจัยชี้ว่าการฉีดสเต็มเซลล์ให้กับคนที่ต้องการรักษาผิวพรรณเพื่อย้อนวัยตัวเองส่งผลทำให้ฝ้าลดลงตามไปด้วยเมื่อทำการทดลองกับคนที่ไม่ได้ต้องการย้อนวัยแต่ต้องการรักษาฝ้าเพียงอย่างเดียว ก็พบว่าสเต็มเซลล์สามารถช่วยลดฝ้าได้
ข้อควรระวัง
- ระวังการฉีดในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- ระวังการฉีดในผู้ป่วย SLE, HIV
- อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด
- งดล้างหน้า หรือให้หน้าโดนน้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- ดทำเลเซอร์ ทรีทเมนท์ รวมถึงการอบซาวน่า อย่างน้อย 2 สัปดาห์
อาการแทรกซ้อน
- พบได้น้อย