ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ
- แสงแดด
เป็นเป็นสาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เพราะสิ่งที่มาพร้อมกับแสงแดดคือรังสี UVA UVB โดยเฉพาะช่วง 10.00-14.00 น. ที่แสงยูวีจะแรงมากอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา เพราะรังสียูวีในแสงแดดก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมากซึ่งอาจไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสีให้ทำงานเพิ่มขึ้นมาก เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำตามมาในที่สุด นอกจากแสงแดดแล้ว แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ก็กระตุ้นการสร้างเม็ดสีได้เช่นกัน - พันธุกรรม
มีรายงานว่าพันธุกรรมส่งผลต่อฝ้าและกระได้ถึงเกือบ 50% หากมีคนในครอบครัวมีฝ้ากระก็มีแนวโน้มที่เราจะเกิดฝ้ากระสูง - ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในภาวะตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน การทานยาคุมกำเนิด เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าได้ มักพบฝ้าได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สำหรับฝ้าที่เกิดในช่วงตั้งครรภ์ที่พบมากโดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 เมื่อคลอดแล้ว ฝ้าจะค่อยๆ จางลงโดยใช้ระยะเวลาเป็นเดือนๆ และอาจเหลือร่องรอยดำไว้บ้าง ในส่วนของยาคุมกำเนิดมักมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจส่งผลกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ ในคนที่ทานยาคุมกำเนิดติดต่อกัน 6 เดือนขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องฝ้า - อายุมากขึ้น
ปัญหาฝ้ากระที่เกิดเมื่ออายุมากขึ้นเกิดจากกลไกการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายทำงานได้ช้าลง รวมไปถึงการเผชิญกับแสงแดด มลภาวะและสภาพแวดล้อมที่คอยทำร้ายผิวมาเป็นเวลานานด้วยเช่นกัน - เครื่องสำอาง
ในเครื่องสำอางบางชนิดมีการเจือปนสารเคมีหรือสารอันตรายต่อผิวหน้า ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง เกิดรอยด่างดำสะสมบนใบหน้าและอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าได้
วิธีป้องกันและลดการกลับมาเป็นซ้ำ
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ การดูแลตัวเองเพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำจึงสำคัญมากเช่นกัน
- ปกป้องผิวจากแสงแดดโดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า กระ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด กางร่มหรือสวมหมวกเมื่อต้องออกไปเจอแดด
- หลีกเลี่ยงแสงจากหน้าจอมือถือ แสงไฟ แสงจากทีวี
- หากเป็นผู้ที่มีปัญหาผิวเรื่องฝ้าอยู่แล้วควรมีการปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาบางประเภทเนื่องจากตัวยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบให้เกิดฝ้ามากขึ้นหรือเข้มกว่าเดิมได้
- คอยสังเกตว่าฝ้านั้นเกิดจากยาคุมกำเนิดหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นควรพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด
วิธีรักษา
การรักษาฝ้ากระด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจได้ผลไม่ดีนัก จึงอาจพิจารณาใช้หลายวิธีร่วมกัน
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดเลือนจุดด่างดำ เช่น Vitamin C, Arbutin, Kojic acid, Niacinamide หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Glycolic Acid, Salicylic acid, AHA, BHA ซึ่งเป็นการทำให้ฝ้าจางลงได้ชั่วคราว ถ้าหยุดใช้ฝ้าก็มีโอกาสกลับมาได้
ข้อควรระวัง
- ควรระวังการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกัน อาจทำให้เกิดการแพ้ได้
อาการแทรกซ้อน
- พบได้น้อย แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายหรือมีอาการแพ้ได้ในบางราย
การผลัดผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peeling)
เป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกหรือเซลล์หนังกำพร้าที่ตายไปแล้วออกไป หลังจากผิวเก่าถูกผลัดออกไปก็จะทำให้ได้ผิวใหม่เกิดขึ้นมา ทำให้รอยดำจุดด่างดำลดเลือนลง แต่ต้องทำต่อเนื่องและเห็นผลแค่ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ เท่านั้น หลังทำอาจทำให้ผิวไวต่อแดดมากขึ้นในระยะสั้นๆ 1 สัปดาห์แรกหลังทำ จึงควรเลี่ยงแสงแดด
ข้อควรระวัง
- ถ้ามีประวัติการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า ควรรอให้แผลหายสนิทก่อน
- ไม่ควรลอกหน้าในคนที่กินยาคุมกำเนิด เพราะจะยิ่งทำให้รอยคล้ำหลังลอกเข้มมากกว่าปกติ
- หลังทำไม่ควรออกไปเจอแสงจ้า เพราะกรดเหล่านี้ทำให้ผิวไวต่อแดดมากขึ้น
- ควรระวังการลอกหน้าในผู้ที่กินยากรดวิตามินเอ (isotretinoin) อาจทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม และอาจลอกเป็นขุยได้
อาการแทรกซ้อน
- ผิวอาจคล้ำขึ้น หลังทำจึงควรเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด
- ผิวแดงระคายเคือง มักจางหายไปใน 30-90 วัน
- ผิวอาจแห้ง ลอกเป็นขุย
- ในบางรายมีสิวเห่อหลังทำได้