ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนา นวัตกรรมการร้อยไหมละลาย เข้ามาช่วยในการปรับรูปหน้าเรียวเข้ารูป บทความนี้จะมาให้คำตอบว่า การร้อยไหม ทำไมถึงเป็นหัตถการที่ปลอดภัย และมั่นใจได้

สารบัญ

วิวัฒนาการการ ร้อยไหม ในทางการแพทย์

 พ.ศ. 2503 ไหมมีการพัฒนาจนพบวัสดุที่ย่อยสลายได้เอง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงระยะยาว ไหมละลายที่ใช้ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการ ดังนี้

  • ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมที่ถูกค้นพบในปี พ.ศ.2513 ใช้ในการทำศัลยกรรมเย็บเนื้อเยื่อหัวใจ เส้นเลือด และเย็บบาดแผลต่างๆทั่วร่างกาย สลายหมดภายใน 6 เดือน ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในและต่างประเทศ (FDA)
  • ไหม PLLA (Poly L-Lactic acid) ไหมละลายที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 2 ปี เมื่อย่อยสลายแล้วจะได้อนุพันธ์ของ Lactic Acid กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและการสร้างคอลลาเจน ได้ดีกว่าไหมชนิดอื่น แต่มีข้อจำกัดคือค่อนข้างแข็งและเปราะง่าย ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในและต่างประเทศ (FDA)
  • ไหม PCL (Polycaprolactone) ไหมที่มีลักษณะคล้ายยางยืดหยุ่นได้ดี ย่อยสลายนานถึง 2-3 ปี ถูกนำมาทำเป็นไหมที่มีการผสมผสานสารสำคัญต่อผิว เช่น วิตามินซี growth factors เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเสริมสร้างคอลลาเจน รับรองความปลอดภัยจาก FDA และสหภาพยุโรป (CE mark)

การร้อยไหม ที่ได้รับมาตรฐานการรับรอง

การร้อยไหมที่ปลอดภัยนั้น ผลิตภัณฑ์ไหมจะต้องได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา (Thai FDA)  USFDA   KFDA   ISO13485   CE    GMP   เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญด้านความปลอดภัยในการ ร้อยไหม

  1. ประเภทของไหม
    • มาตรฐานการรับรอง เลือกใช้ไหมที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    • ไหมชนิดละลาย เช่น PDO (Polydioxanone), PLLA (Poly-L-lactic acid), หรือ PCL (Polycaprolactone)
  2. คลินิกที่ได้รับอนุญาต
    • ต้องเป็นคลินิกที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และมาตรฐานการรักษาที่ชัดเจน
  3. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • ควรเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการร้อยไหม และผ่านการอบรมเฉพาะทางในการร้อยไหมอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  4. การคัดกรองข้อห้าม
    • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ตั้งครรภ์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเลือดผิดปกติ  ผู้ป่วยHIV และมะเร็ง ผู้ป่วยผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการร้อยไหม
  5. การดูแลหลังการ ร้อยไหม
    • การดูแลหลังการร้อยไหม เช่น หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือกดใบหน้าในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ และ การนัดติดตามผล และการรับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง

ผลข้างเคียงปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลังการร้อยไหม

การร้อยไหม จัดเป็นหัตถการที่คล้ายกับการผ่าตัดเล็ก ทำให้เกิดแผลใต้ผิวในช่วงแรก อาจมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ตามปกติ และจะหายเป็นปกติเอง ดังนี้

  • มีอาการปวด บวม หรือเสียวเล็กน้อย แต่จะค่อยๆหายไปภายใน 7-14 วัน
  • อาจมีเลือดซึมออกบริเวณที่แทงเข็ม หรือทำการร้อยเข้าไป
  • ขณะทำหรือหลังทำหัตถการจะรู้สึกตึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า
  • อาจมีอาการตึงผิวหน้ามากทำให้หลังร้อยไหมอ้าปากไม่สุด ไม่สบายหน้า ความตึงจะค่อยๆ ดีขึ้นในสัปดาห์แรก และจะรู้สึกตึงมากสุดแค่ช่วง 1-3 วันหลัง การร้อยไหม
  • จะรู้สึกคลำได้เป็นลำตามแนวไหมในช่วงแรก เนื่องจากเป็นอาการบวมของแผลใต้ผิว แต่จะค่อยๆ เรียบหายเป็นปกติ

ผลข้างเคียงหลังการร้อยไหมที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

  • ผิวบวมแดง มีหนองบริเวณที่ร้อยไหม เกิดจากการติดเชื้อที่ใช้ไหมไม่ได้มาตรฐาน
  • ไหมทะลุ ไหมโผล่ออกมาให้เห็นนอกผิว เกิดจากแพทย์ซ่อนปมของไหมไม่ดีทำให้ปลายไหมโผล่ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • หลังร้อยไหมใบหน้าบวมขึ้นเรื่อยๆอย่างรุนแรง ประคบเย็นแล้วไม่ดีขึ้น อาจเกิดจากท่อน้ำลายขาด ควรรีบพบแพทย์
  • ผิวไม่เรียบเนียน ผิดรูป หรือเป็นคลื่น จากเทคนิคการร้อยไหมที่ไม่ถูกต้อง

สรุป

ร้อยไหม ไม่อันตราย และ ถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย เห็นผลทันที ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิค และ ประสบการณ์ของแพทย์ จัดเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยทั่วไปเส้นไหมจะประคองผิวได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ร้อย  เมื่อเวลาผ่านไป เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย การร้อยไหม ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะเกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ช่วยประคองผิวคล้ายกับเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกาย

สนใจสินค้า K2 PLUS สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

แก้ปัญหาคิ้วตกอย่างไรดี
Interesting Facts

คิ้วตก คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

คิ้วตกเป็นปัญหาที่ส่งผลทั้งความมั่นใจในการใช้ชีวิต และการมองเห็น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนอาจเคยสังเกตว่าตนเองกำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าว และค่อนข้างกังวลว่าจะแก้ไขอย่างไรดี วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ปัญหาหางตาตกมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง และสามารถรักษาได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้กัน   คิ้วตก คืออะไร คิ้วตก หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Brow Ptosis เป็นภาวะที่คิ้วและหางคิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ โดยหางคิ้วจะอยู่ต่ำกว่าหัวคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วหย่อนคล้อยลงมาใกล้กับเปลือกตาบนมากเกินไป ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้างหรือเพียงข้างเดียว และมักพบว่าเกิดพร้อมกับปัญหาหนังตาตก ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้า เศร้าหมองและแก่กว่าวัย นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ผู้ที่มีปัญหามักต้องเลิกคิ้วขึ้นตลอดเวลาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น  คิ้วตก มีสาเหตุมาจากอะไร ปัญหาคิ้วตกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจต้องการวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน ทำความเข้าใจสาเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม   1. กรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดคิ้วตกที่พบได้ แม้จะเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกจากกรรมพันธุ์มักจะมีอาการมาตั้งแต่กำเนิด อาจพบได้ทั้งการตกของคิ้วข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อร่างกายโดยรวม การแก้ไขในกรณีนี้อาจต้องพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นลักษณะที่ติดตัวมาแต่กำเนิด   2. อายุมากขึ้น  สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของปัญหาคิ้วตกคืออายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพลง รวมถึงคอลลาเจนที่ลดน้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อฟรอนทาลิส (Frontalis Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ บริเวณหน้าผากที่ทำหน้าที่ยกคิ้ว เมื่อกล้ามเนื้อนี้อ่อนแรงลง จึงส่งผลให้คิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ  3. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง  ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก เปลือกตาและรอบดวงตาไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของคิ้วและเปลือกตา ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้อีกด้วย  4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาคิ้วตกได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การขมวดคิ้วบ่อย ๆ เวลาคิดหรือเครียด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนักเกินไป และอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อในระยะยาว   วิธีแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตกทำอย่างไรได้บ้าง การแก้ไขปัญหาคิ้วตกมีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ดังนี้   ร้อยไหมยกหางตา ร้อยไหมยกหางตาเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเทคนิคการร้อยไหมที่มีเงี่ยงพิเศษเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถยกและกระชับคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาคิ้วตกแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้น ทั้งนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าแล้วร้อยไหมอันตรายไหม หากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจน  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ได้ที่

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

แก้ปัญหาคิ้วตกอย่างไรดี
Interesting Facts

คิ้วตก คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

คิ้วตกเป็นปัญหาที่ส่งผลทั้งความมั่นใจในการใช้ชีวิต และการมองเห็น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนอาจเคยสังเกตว่าตนเองกำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าว และค่อนข้างกังวลว่าจะแก้ไขอย่างไรดี วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ปัญหาหางตาตกมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง และสามารถรักษาได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้กัน   คิ้วตก คืออะไร คิ้วตก หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Brow Ptosis เป็นภาวะที่คิ้วและหางคิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ โดยหางคิ้วจะอยู่ต่ำกว่าหัวคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วหย่อนคล้อยลงมาใกล้กับเปลือกตาบนมากเกินไป ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้างหรือเพียงข้างเดียว และมักพบว่าเกิดพร้อมกับปัญหาหนังตาตก ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้า เศร้าหมองและแก่กว่าวัย นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ผู้ที่มีปัญหามักต้องเลิกคิ้วขึ้นตลอดเวลาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น  คิ้วตก มีสาเหตุมาจากอะไร ปัญหาคิ้วตกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจต้องการวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน ทำความเข้าใจสาเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม   1. กรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดคิ้วตกที่พบได้ แม้จะเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกจากกรรมพันธุ์มักจะมีอาการมาตั้งแต่กำเนิด อาจพบได้ทั้งการตกของคิ้วข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อร่างกายโดยรวม การแก้ไขในกรณีนี้อาจต้องพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นลักษณะที่ติดตัวมาแต่กำเนิด   2. อายุมากขึ้น  สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของปัญหาคิ้วตกคืออายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพลง รวมถึงคอลลาเจนที่ลดน้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อฟรอนทาลิส (Frontalis Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ บริเวณหน้าผากที่ทำหน้าที่ยกคิ้ว เมื่อกล้ามเนื้อนี้อ่อนแรงลง จึงส่งผลให้คิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ  3. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง  ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก เปลือกตาและรอบดวงตาไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของคิ้วและเปลือกตา ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้อีกด้วย  4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาคิ้วตกได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การขมวดคิ้วบ่อย ๆ เวลาคิดหรือเครียด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนักเกินไป และอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อในระยะยาว   วิธีแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตกทำอย่างไรได้บ้าง การแก้ไขปัญหาคิ้วตกมีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ดังนี้   ร้อยไหมยกหางตา ร้อยไหมยกหางตาเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเทคนิคการร้อยไหมที่มีเงี่ยงพิเศษเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถยกและกระชับคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาคิ้วตกแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้น ทั้งนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าแล้วร้อยไหมอันตรายไหม หากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจน  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ได้ที่