เมโสแฟต คืออะไร อันตรายไหม ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
เมโสแฟต คืออะไร อันตรายไหม ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

เมโสแฟต คืออะไร อันตรายไหม ลดไขมันบริเวณไหนได้บ้าง 

สารบัญ

ปัจจุบันการดูแลรูปร่างและใบหน้าให้ดูดีมีหลากหลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ การทำหัตการเมโสแฟต เพราะเป็นวิธีที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องผ่าตัด และใช้เวลาพักฟื้นน้อย ทำให้หลายคนสนใจวิธีนี้เพื่อปรับรูปหน้าและรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ เมโสแฟต คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และควรระวังอะไรบ้าง 

เมโสแฟต คืออะไร 

เมโสแฟต คือการรักษาด้วยการใช้สารที่มีคุณสมบัติในการสลายไขมันเข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยตรง ซึ่ง Meso fat คือ วิธีการลดไขมันเฉพาะจุดที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยตัวยาจะทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและถูกขับออกผ่านทางระบบขับถ่ายตามธรรมชาติ ทำให้บริเวณที่นั้นมีปริมาณไขมันลดลง ส่งผลให้รูปหน้าหรือรูปร่างได้สัดส่วนตามที่ต้องการ วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบไม่ต้องพักฟื้นนาน  

เมโสแฟต เหมาะสำหรับใครบ้าง

หัตถการเมโสแฟต เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันส่วนเกินในบริเวณต่าง ๆ ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมที่แก้มและใต้คาง 
  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินตามร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา น่อง และสะโพก
  • ผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง เพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแต่ยังไม่เห็นผล
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบเร่งด่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด

เมโสแฟต นิยมทำบริเวณไหนบ้าง

โดยตำแหน่งยอดนิยมที่คนนิยมทำเมโสแฟต คือ

  • บริเวณแก้ม เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
  • เหนียงบริเวณใต้คาง
  • หน้าท้อง
  • ต้นแขน
  • ต้นขา
  • น่อง
  • สะโพก

นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับโบท็อกซ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าและกระชับสัดส่วนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 

เมโสแฟต นิยมฉีดบริเวณไหนบ้าง

ข้อดีของการทำหัตการเมโสแฟต 

  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • มีอาการบวมช้ำน้อย (อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรก)
  • ใช้เวลาทำทรีตเมนต์ไม่นาน
  • เห็นผลเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์
  • มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดและไม่ต้องการการผ่าตัด 

ข้อเสียของการทำหัตการเมโสแฟต 

  • ไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีเหมือนการดูดไขมัน ต้องรอประมาณ 1 – 2 สัปดาห์จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
  • เมโสแฟต คือ วิธีที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก อาจทำซ้ำ 4 – 5 ครั้ง จึงจะเห็นผลชัดเจน 

วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการเมโสแฟต

  1. พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษา
  2. งดรับประทานวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  3. งดใช้ยากลุ่มแอสไพรินอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  4. ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรรับการรักษา 

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำเมโสแฟต 

  1. ดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อช่วยขับไขมันออกจากร่างกาย
  2. ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อ
  3. งดใช้บริการซาวน่าและนวดตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  4. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  5. หลีกเลี่ยงการกดหรือนวดบริเวณที่ทำหัตถการมา
  6. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดอาหารไขมันสูง 

ข้อห้ามหลังทำแฟต  

  • ห้ามสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ทำแรงๆ
  • งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • งดทำทรีตเมนต์ใดๆ เช่น ขัดหน้า อบซาวน่า เลเซอร์ เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วัน
  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ของมัน และของหวาน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำหัตการเมโสแฟต

แฟตอันตรายไหม

แฟต อันตรายไหม เป็นคำถามที่พบบ่อย โดยเมโสแฟตจะมีความปลอดภัย หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น การใช้สเตียรอยด์ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ หรือการใช้ไฮยาลูโรนิเดสในปริมาณมากที่อาจทำให้คอลลาเจนสลายตัว ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย 

ทำหัตถการแฟตมา กี่วันถึงจะเห็นผล

การทำหัตถการเมโสแฟตจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกภายใน 5-7 วัน และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดหลังจาก 1-2 สัปดาห์ หากผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจ สามารถกลับมาทำซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปอาจต้องทำ 4 – 5 ครั้ง และการทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น 

เมโสแฟต ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล 

เมโสแฟต คือการรักษาที่สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก โดยจะสังเกตเห็นบริเวณที่ทำหัตการมาจะเริ่มยุบลงภายใน 5-7 วัน และเห็นผลชัดเจนหลัง 2-3 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีไขมันมากอาจต้องทำ 4-5 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน  

เมโสแฟตอยู่ได้นานแค่ไหน 

เมโสแฟตอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารของแต่ละคน โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน หากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดระยะเวลาของผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น การรักษาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ผลการรักษาคงอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น 

เมโสแฟตอยู่ได้นานแค่ไหน

สรุปบทความ 

เมโสแฟต คืออีกทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการลดไขมันเฉพาะจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือสัดส่วนให้ได้ดั่งใจ ทั้งการทำแฟตแก้มและแฟตเหนียง รวมถึงบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย แม้จะเห็นผลไม่เร็วเท่าการผ่าตัด แต่ก็มีข้อดี คือไม่ต้องพักฟื้นนาน มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด