ร้อยไหม
ร้อยไหม

เคยสงสัยไหมว่า การร้อยไหม มีทั้งหมดกี่ชนิดกันแน่ ! แล้วร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด 

การร้อยไหม เป็นหนึ่งในวิธี ที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับผิว และลดริ้วรอย แต่คุณเคยสงสัยไหม ว่าการร้อยไหมมีกี่ประเภท กี่ชนิดกันแน่ ?

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประเภทและชนิดของการร้อยไหมที่หลากหลาย เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณ

สารบัญ

การร้อยไหมเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย แต่คุณเคยสงสัยไหม ว่าการร้อยไหมมีกี่แบบ กี่ชนิดกันแน่ ? แล้วทุกประเภทที่มีอยู่นั้น ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประเภทและชนิดของการร้อยไหมที่หลากหลาย เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณ 

ไหมร้อยหน้ามีกี่ประเภท

ในปัจจุบันนี้เทคนิคการร้อยไหม เป็นที่นิยมมากเนื่องด้วยเป็นวิธีการที่เห็นผลการยกกระชับที่รวดเร็วหลังการทำหัตถการทันทีและมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง โดยที่ไม่ต้องรอการพักฟื้น ซึ่งไหมร้อยหน้าจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท 

1. ไหมไม่ละลาย

เป็นเส้นไหมที่นิยมมากในสมัยก่อนที่ทำจากวัสดุต่าง ๆ เช่น ทองคำ, พลาสติก เป็นต้น ซึ่งวัสดุเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความคงทนที่สูง แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่สามารถ ผ่านเครื่อง CT-scan, เครื่อง MRI  หรือ เครื่อง X-ray ได้เพราะไม่สามารถทนความร้อนสูงได้ ซึ่งอาจส่งผลทำให้บริเวณที่มีการร้อยไหมอาจบิดเบี้ยวหรือหย่อนคล้อยลงได้ และที่สำคัญวัสดุเหล่านี้ไม่สามารถละลายได้เองตามกระบวนการสลายของร่างกาย ทำให้ในปัจจุบันไม่นิยมนำมาร้อยกันแล้ว

ไหมทองคำ

ไหมละลาย

เส้นไหมที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถสลายได้ตามกลไกของร่างกาย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างที่จะหลงเหลือในร่างกายได้ โดยวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิต เช่น Polydioxanone (PDO), Poly-L-Lactic acid (PLLA), Polycaprolactone (PCL) เป็นต้น ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดก็จะมีอัตราการสลายและความคงทนที่แตกต่างกันออกไป

ไหม PDO

ไหม PDO มีสีน้ำเงินอมม่วง มีความยืดหยุ่นที่สูง และมีอายุเฉลี่ยในการสลายประมาณ 6-8 เดือน

ไหม PLLA

ไหม PLLA มีความแข็งมาก สีใส และมีอายุเฉลี่ยในการสลายประมาณ 12 เดือน

ไหม PCL

ไหม PCL มีสีขาว มีความแข็งแต่ก็ยืดหยุ่นได้ และมีอายุเฉลี่ยในการสลายประมาณ 12-24 เดือน

ลักษณะของเส้นไหม มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

หากคุณกำลังสงสัยว่าร้อยไหมมีกี่แบบ คำตอบคือมีหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับ เพิ่มวอลลุ่มหรือฟื้นฟูผิว ดังนั้นหากถามว่าร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด ก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ควบคู่ไปกับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้   

1. ไหมแบบเรียบ

ไหมแบบเรียบถือเป็นตัวเลือกพื้นฐานที่นิยมใช้ในการร้อยไหมเพื่อฟื้นฟูผิว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นการร้อยไหม เพราะให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ ซึ่งไหมประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ 

ไหมเรียบตรง 

ไหมเรียบตรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวแบบไม่รุนแรง ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ไม่มีเงี่ยง ทำให้การร้อยไหมประเภทนี้มีความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวในระดับลึก กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น

ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง? ไหมเรียบตรงคือคำตอบที่เหมาะสม เพราะการที่ไม่มีเงี่ยงทำให้ไหมสามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูผิวได้อย่างทั่วถึง 

ไหมเกลียว 

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาว่า การร้อยไหมแบบไหนดีที่สุดสำหรับการเพิ่มความอิ่มเอิบให้กับผิว ไหมเกลียวคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยลักษณะพิเศษที่พันเป็นเกลียวรอบเข็ม ทำให้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่าไหมเรียบตรง และยังช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

2. ไหมเงี่ยง 

ไหมเงี่ยงช่วยยกกระชับผิว ด้วยนวัตกรรมการออกแบบที่มีเงี่ยงยึดเกาะกับผิวหนัง ทำให้สามารถยกและกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กระเปาะแก้มหรือร่องแก้มลึก โดยไหมเงี่ยงสามารถ แบ่งออกได้อีก 2 ประเภท ดังนี้ 

ไหมเงี่ยงบาก

นวัตกรรมไหมเงี่ยงบากถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สร้างเงี่ยงบนผิวของเส้นไหม ทำให้เกิดการยึดเกาะกับผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรูปแบบการเรียงตัวที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละแบบเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น 

  • ไหมเงี่ยงบาก Uni-direction เงี่ยงเรียงตัวไปในทิศทางเดียว 
  • ไหมเงี่ยงบาก Bi-direction เงี่ยงเรียงตัวกันสองทิศทาง สวนทางกัน 
  • ไหมเงี่ยงบาก 3D cog ลักษณะเงี่ยงเรียงตัวสามมิติ 360 องศาคล้ายหนามกุหลาบ 

ไหมเงี่ยงหล่อ

ไหมเงี่ยงหล่อมีลักษณะเงี่ยงที่มีความแข็งแรง สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดีกว่าไหมเงี่ยงบาก 

คือคำตอบที่น่าสนใจ ด้วยกระบวนการผลิตที่หล่อเงี่ยงขึ้นมาพร้อมกับตัวเส้นไหม ทำให้ได้เงี่ยงที่แข็งแรงและชัดเจน สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดีกว่าไหมเงี่ยงบาก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีก 3 แบบ ดังนี้

  • ไหมเงี่ยงหล่อ Carving cog เงี่ยงรูปทรงพิเศษ ด้วยฐานสามเหลี่ยมที่มีความทึบตัว คล้ายกับร่มขนาดจิ๋วที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบตามแนวของเส้นไหม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อ
  • ไหมเงี่ยงหล่อ Molding cog มาพร้อมกับเงี่ยงที่มีความคมและแข็งแรง ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายฟันเลื่อยหรือฟันปลาฉลาม ช่วยให้สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผิวที่มีปัญหาหย่อนคล้อยชัดเจน
  • ไหมเงี่ยงหล่อ 3D Molding cog เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่พัฒนาให้มีเงี่ยงขนาดใหญ่พิเศษ โดดเด่นด้วยการจัดวางเงี่ยงแบบ 360 องศารอบแกนกลางของเส้นไหม ลักษณะคล้ายหนามกุหลาบ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อได้มากกว่า ส่งผลให้การยกกระชับมีประสิทธิภาพสูงสุด

3. ไหมกรวย 

สำหรับการยกกระชับใบหน้า ไหมกรวยอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ด้วยการออกแบบเงี่ยงแบบกรวย 3 มิติที่มีขนาดใหญ่กว่าไหมแบบเงี่ยงทั่วไป ทำให้สามารถเกาะยึดกับผิวได้ดียิ่งขึ้นและลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อได้มากกว่า  

4. ไหมโครงตาข่าย

เมื่อถามว่าร้อยไหมแบบไหนดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบครบวงจร ไหมโครงตาข่ายมาพร้อมกับเงี่ยง 2 ชั้นที่ผสมผสานระหว่างเงี่ยงไหม 3 มิติและโครงตาข่ายรอบตัวไหม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งการยกกระชับและการฟื้นฟูผิว  

ลักษณะของเข็มที่ใช้ร้อยไหมแต่ละชนิด 

หากสงสัยว่า การร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า การที่จะนำส่งเส้นไหมเข้าสู่ร่างกายของเราได้นั้น ก็ต้องพูดถึงเข็มที่นำมาใช้ในการร้อยไหมแต่ละชนิด ซึ่งมีความความจำเพาะ และเหมาะสมกันออกไปในแต่ละบริเวณ ดังนี้

เข็มแบบหัวแหลม (S-type)

เข็มแบบหัวแหลม (S-type)

มีความสามารถในการตัดผ่านเนื้อเยื่อได้ดีมาก แต่ก็อาจทำให้เกิดบาดแผล และเลือดออกภายในจนเกิดอาการช้ำได้ง่าย

เข็มแบบกึ่งทู่ (L-type)

เข็มแบบกึ่งทู่ (L-type) 

มีความสามารถในการทะลุผ่านเนื้อเยื่อได้ดี อาจมีการทำให้เลือดออกได้บ้างส่งผลให้เกิดการเขียว ช้ำ ได้น้อย

เข็มแบบทู่ (W-type)

เข็มแบบทู่ (W-type)

มีความสามารถในการทะลุผ่านเนื้อเยื่อได้ดี แทบจะไม่ทำให้เกิดการเลือดออก จนเขียว ช้ำจากภายในเลยจึงทำให้เป็นที่นิยมมาก

เข็มแบบยู (U-cannula)

เข็มแบบยู (U-cannula) 

เป็นหัวเข็มที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในบริเวณที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา สามารถทะลุผ่านเนื้อเยื่อได้ดี แทบจะไม่ทำให้เกิดการเลือดออก จนเขียว ช้ำจากภายใน 

เข็มแบบเอ (A-cannula)

เข็มแบบเอ (A-cannula)

เป็นหัวเข็มที่ถูกออกแบบมาแบบพิเศษ เพื่อใช้กับการใช้บริเวณจมูกโดยเฉพาะ ทะลุผ่านเนื้อเยื่อได้ดี และลดความเสียหายต่อเส้นเลือดบริเวณนั้น จึงเกิดอาการเขียว ช้ำ ได้น้อย 

ประโยชน์ของการร้อยไหม มีอะไรบ้าง

การร้อยไหมนั้นที่จริงแล้วมีประโยชน์ที่มากมายหลายด้านมากกว่าที่คนเข้าใจกัน เพราะลักษณะของเส้นไหมที่ถูกผลิตขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

การร้อยไหมเพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า V

จะใช้เส้นไหมที่มีขนาดใหญ่และมีเงี่ยง (Cog thread) เพื่อการเหนี่ยวรั้ง รับน้ำหนักของเนื้อเยื่อ และล๊อคไม่ให้เนื้อเยื่อที่ทำการดึงยกกระชับหลุดออกได้ง่าย โดยจะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังร้อยเสร็จ และจะมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินตามแนวการร้อยไหมอีกด้วย

การร้อยไหมเพื่อกระตุ้นหน้าใส

จะใช้ไหมเส้นเล็ก (Mono thread) ผิวเรียบที่มีส่วนผสมในการปรับผิวขาว จึงทำให้ผลลัพธ์ที่นอกจากช่วยการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนแล้วยังช่วยทำให้บริเวณที่ร้อยมีความขาวเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นผลลัพธ์หลังการร้อย 2-3 สัปดาห์

การร้อยไหมจมูกเพื่อให้สันคมชัด

จะใช้ไหมเส้นใหญ่ หรือไหมเส้นเล็กหลายเส้นเพื่อการเติมเต็มสันจมูกทันทีหลังการร้อยแล้วจะมีการสร้างคอลลาเจนตามแนวที่มีการร้อย

การร้อยไหมจมูกเพื่อให้สันคมชัด

จะใช้ไหมเส้นใหญ่ หรือไหมเส้นเล็กหลายเส้นเพื่อการเติมเต็มสันจมูกทันทีหลังการร้อยแล้วจะมีการสร้างคอลลาเจนตามแนวที่มีการร้อย

ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด

เลือกไหมที่มีประสิทธิภาพแนะนำให้พิจารณาเลือกไหมละลายก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อความปลอดภัยและไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย โดยในปัจจุบันไหมละลายชนิด PCL และ PDO ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ให้พิจารณาเลือกรูปแบบของเส้นไหมที่มีเงี่ยง เพราะไหมเงี่ยงลักษณะนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อการดึง เหนี่ยวรั้ง ล๊อคและการรับน้ำหนักโดยเฉพาะ จึงทำให้ผลลัพธ์ที่เกิดจากไหมชนิดนี้ยกกระชับได้ค่อนข้างเห็นผลลัพธ์ชัดเจน 

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ไหมที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินรูปหน้าและสภาพผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนการร้อยไหม

 ไหมชนิดไหนนิยมใช้ร้อยหน้ามากที่สุด 

ถ้าพูดถึงความนิยมมากที่สุดในตลาดการร้อยไหมนั้นมักจะเป็น การร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้า เพราะอายุที่มากขึ้น และมลภาวะที่รับมาในทุกวันทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยลงมา ผลลัพธ์จากการร้อยไหมปรับรูปหน้าโดยใช้ไหมแบบเงี่ยงจึงตอบโจทย์มากที่สุดเพราะช่วยให้ดูเด็กลงและปรับรูปหน้าทรง V ได้ตามค่านิยม แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหา และความต้องการของลูกค้าด้วยว่าเรามีปัญหาตรงไหนก็แก้ไขตามปัญหานั้นๆ เช่น มีร่องลึกมากก็ใช้ไหมแบบสกูลมาเติมเต็ม, ใบหน้าหมองคล้ำก็ใช้เส้นไหมขนาดเล็กที่มีการเติมสารเพิ่มความขาวลงไป, มีปัญหาที่สันจมูกไม่คมก็ใช้ไหมเส้นใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อการยกสันจมูก หรือมีปัญหาหนังตาตกใช้ไหมแบบมีเงี่ยงที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกกระชับและเก็บรอยข้างดวงตาได้

การยกกระชับของไหม ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง 

การยกกระชับของไหมนั้น จะดีแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นไหม ว่ามีความใหญ่เพียงพอที่จะรับน้ำหนักของเนื้อเยื่อที่ยกขึ้นไปได้หรือไม่ และเงี่ยงที่ถูกออกแบบมีเพื่อการโกยและเหนี่ยวรั้ง รวมถึงการล๊อคเนื้อเยื่อขึ้นไปเก็บซึ่งก็ต้องดูว่าเงี่ยงนั้นมีขนาดใหญ่เพียงพอหรือไม่ และในปัจจุบันมีการผลิตไหมที่เป็นรูปแบบของเงี่ยงอยู่ 2 แบบ

1. ไหมแบบตัด

ไหมแบบนี้จะถูกผลิตออกมาเป็นแบบเส้นเรียบก่อนแล้วจึงนำมาตัดเป็นเงี่ยงด้วยเลเซอร์จึงทำให้ความหนาของเส้นไหมเล็กลงตามไปด้วยแต่ก็จะมีร่องที่เกิดจากการตัดมาช่วยเหนี่ยวรั้งเนื้อเยื่อที่ยกขึ้นไปได้

2. ไหมแบบหล่อ

ไหมแบบนี้ถูกผลิตโดยการสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาเป็นรูปแบบที่ต้องการก่อนที่จะเติมวัสดุที่ต้องการลงไปในแม่พิมพ์ขึ้นรูปแบบไหมขึ้นมาจึงทำให้ไม่สูญเสียพื้นที่ของเส้นไหมไปกับการตัดเพื่อให้เกิดเงี่ยง

นอกจากนี้ยังรวมถึงเทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์ แต่ละบุคคลด้วยว่าถนัดการร้อยไหมรูปแบบไหน เพราะจะมีการร้อยไหมที่แตกต่างกันออกไป 

รีวิวการร้อยไหม Before – After

7.1 การร้อยไหมเพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า V

7.2 การร้อยไหมคอลลาเจนและเพิ่มความขาว

การร้อยไหมจมูก

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด