ร้อยไหมจมูก VS เสริมจมูก แบบไหนเหมาะกับคุณ ?
ร้อยไหมจมูก VS เสริมจมูก แบบไหนเหมาะกับคุณ ?

จมูกสวยรับคริสต์มาส…ร้อยไหมจมูก VS เสริมจมูก แบบไหนเหมาะกับคุณ?

ในช่วงเวลาพิเศษอย่างคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยความสุขและการเริ่มต้นใหม่ หลายคนอาจมองหาการปรับลุคเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง การปรับทรงจมูกก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่สามารถเปลี่ยนลุคและเพิ่มเสน่ห์ให้ใบหน้าได้อย่างชัดเจน วันนี้เรามาดูกันว่า ระหว่าง ร้อยไหมจมูก และ เสริมจมูก มีความแตกต่างกันอย่างไร และแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำอย่างไรบ้าง 🎄✨

สารบัญ

ร้อยไหมจมูกคืออะไร

ร้อยไหมจมูก การเสริมความงามในรูปแบบที่ไม่ต้องผ่านการผ่าตัด เป็นการใช้เส้นไหมที่ผลิตโดยวัสดุที่สามารถย่อยสลายหมดได้เองภายใต้ผิวหนังของเราอย่างเช่น ไหม Polydioxanone (PDO) ซึ่งเส้นไหมเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการค้ำจุนโครงสร้างของจมูกให้มีความโด่งเป็นสันคมมากขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยที่ตัวเส้นไหมจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน เมื่อเส้นไหมสลายหมดก็จะยังคงความโด่งของจมูกด้วยคอลลาเจนที่ถูกสร้างจากการกระตุ้นของเส้นไหม ทำให้จมูกดูมีความเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน

ร้อยไหมจมูก คืออะไร

การเตรียมตัวก่อนการ ร้อยไหมจมูก

  • เตรียมร่างกายให้สุขภาพแข็งแรง
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • งดการทำหัตถการอย่างอื่นบนใบหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพราะอาจเกิดผลต่อบริเวณที่จะรับการร้อยไหม
  • งดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen, น้ำมันตับปลา, Vitamin B, Vitamin E, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น เนื่องจากยากลุ่มนี้จะส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้ป่วยเกิดอาการเลือดออกเพิ่มมากขึ้น การหยุดยาจะช่วยลดโอกาสการเสียเลือดระหว่างทำการร้อยไหมได้

การดูแลหลังการ ร้อยไหมจมูก 

  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ 
  • งดการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
  • งดการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ทำหัตถการเพื่อลดการเกิดการอักเสบ หรือแผลเปิดได้
  • งดการโดนน้ำหลังทำหัตถการ 4-6 ชั่วโมง

ข้อดีและข้อเสียของการ ร้อยไหมจมูก

ข้อดีข้อเสีย
1. ใช้เวลาไม่นานในการทำหัตถการ
2. เห็นผลลัพธ์ได้ทันที และจะเห็นผลได้ดีที่สุดเมื่อไหมเซ็ตตัว
3. ราคาไม่แพง
4. วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมสามารถสลายได้เองจนหมด
 5. เวลาพักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
6. การดูแลรักษาง่าย
7. สามารถกลับมาร้อยใหม่ได้เรื่อยๆ
8. ไม่ต้องกลัวการทะลุเหมือนกับการเสริมจมูก
1. อาจมีอาการช้ำและบวมแดงหลังทำ สามารถหายได้เอง
2. อายุของวัสดุสั้นกว่าการเสริมจมูก
3. กรณีที่มีเนื้อจมูกเยอะอาจต้องใช้ไหมหลายเส้น
4. หากร้อยไหมเข้าไปผิดชั้น หรือร้อยถี่เกินไป ร้อยจำนวนเส้นเยอะเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงอย่างเป็นพังผืดใต้ชั้นผิวได้ 

ข้อควรระวังในการ ร้อยไหมจมูก

  • ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เนื่องจากเสี่ยงที่จะเกิดการดึงรั้งของเส้นไหมอาจทำให้เส้นไหมขาดได้
  • ควรนอนให้หัวอยู่สูงกว่าระดับหน้าอก เพื่อลดอาการบวม ช้ำของแผลหลังร้อยไหม
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีฐานจมูก เพราะการร้อยไหมจมูกไม่สามารถร้อยไหมในปริมาณมากๆได้อาจทำให้ Elastin ใต้ผิวหนังซ้อนทับกันมากเกินไป
  • ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ชนิดของไหม และคลินิกที่ได้มาตรฐาน

เสริมจมูก คืออะไร

เป็นการผ่าตัดทางความงามที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทางการแพทย์จะเรียกว่า การสร้างจมูกใหม่ โดยจะใช้วัสดุสังเคราห์หรืออวัยวะของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ในการเสริม เช่น ซิลิโคน เนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกซี่โครงบางส่วน เป็นต้น โดยวัสดุเหล่านี้จะนำมาเป็นโครงสร้างในการออกแบบจมูกขึ้นมาใหม่ให้เหมาะกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาแต่ก็ต้องใช้ความสามารถในการออกแบบวัสดุอย่างซิลิโคน เพราะต้องออกแบบและปั้นรูปขึ้นมาให้เหมาะกับโครงหน้าและปริมาณเนื้อเยื่อบริเวณจมูกของบุคคลนั้น ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ในอนาคต โดยที่การเสริมจมูกจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ

เสริมจมูก คืออะไร

เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

เป็นการเสริมจมูกโดยการผ่าเข้าไปบริเวณใต้ฐานจมูก และกรีดตามแนวดิ่งลงมาเพื่อให้เห็นแกนจมูกทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูก การเสริมจมูกแบบนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้มากกว่าแบบปิดเช่น การตอกฐานจมูก การยืดผนังกั้นจมูก เป็นต้น

เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

เป็นการเสริมจมูกโดยการผ่าเปิดด้านในจมูกเพียงเล็กน้อยด้านใดด้านหนึ่งเพื่อใส่วัสดุปรับรูปทรง (ซีลิโคน) เข้าจะเกิดแผลเพียงขนาดเล็ก มองไม่เห็นจากด้านนอก

เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูก

  • งดการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดการรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen เป็นต้น
  • ก่อนการผ่าตัด 8 ชั่วโมงงดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
  • งดการแต่งหน้ามาในวันที่มีการผ่าตัด

การดูแลหลังการเสริมจมูก

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส แคะ แกะ เกา บริเวณจมูก เพื่อลดการอักเสบ การติดเชื้อ
  • ถ้ามีอาการปวด บวม สามารถรับประทานยาแก้ปวด ลดบวมได้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • สามารถประคบเย็น เพื่อลดการแข็งตัวของเลือด และอาการบวมได้หลังจาก 3 วันที่ทำการผ่าตัด
  • หลังการผ่าตัดจมูกหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ สามารถใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือคลีนซิ่งทำความสะอาดบริเวณใบหน้าได้
  • ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเพื่อให้โครงสร้างของจมูกคงที่มากที่สุด

ข้อดีและข้อเสียของการเสริมจมูก

ข้อดีข้อเสีย
1. ผลการผ่าตัดสามารถอยู่ได้นาน
2. สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับจมูกได้มากกว่า
3. สามารถทำรูปทรงจมูกได้หลากหลายกว่า
1. ราคาค่อนข้างสูง
2. ต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัดเป็นเวลานาน
3. มีอาการบวมช้ำได้มาก
4. การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดยุ่งยากกว่าการร้อยไหมจมูก
5. มีโอกาสจมูกเบี้ยว จมูกทะลุ จมูกติดเชื้อ
ซีลิโคนไหล (ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์)

ข้อควรระวังในการเสริมจมูก

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหลังการผ่าตัด
  • ห้ามสั่งน้ำมูกแรงๆ อาจทำให้ปากแผลเปิดแล้วเกิดการอักเสบมากขึ้นได้
  • ห้ามนอนทับบริเวณที่มีการผ่าตัด
  • ควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าใช้บริการ
  • ควรเลือกรูปทรงจมูกให้เหมาะสมกับใบหน้า ไม่ควรทำให้โด่งมากเกินไปเพื่อเลี่ยงซีลิโคนทะลุ

สรุป! เลือกแบบไหนดี?

การเลือกปรับทรงจมูกไม่ว่าจะด้วยการร้อยไหมหรือเสริมจมูก ควรพิจารณาจากความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ หากต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่เจ็บมาก และไม่ต้องการพักฟื้นนาน ร้อยไหมจมูกอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงแบบถาวรและปรับโครงสร้างได้อย่างชัดเจน การเสริมจมูกจะตอบโจทย์มากกว่า

ในช่วงคริสต์มาสนี้ ให้ตัวเองได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในแบบที่เหมาะกับคุณ
อย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่พึงพอใจที่สุด

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด