ไขมันดี HDL และ ไขมันเลว LDL
ไขมันดี HDL และ ไขมันเลว LDL

อาหารของ ไขมันดี HDL และ ไขมันเลว LDL ที่ควรรู้!!

ปัจจุบันอาหารที่เรารับประทาน มีทั้ง ไขมันดี HDL และ ไขมันเลว LDL หรือเรียกอีกอย่างว่าคอลเลสเตอรอล ซึ่งคอลเลสเตอรอลมีทั้งประโยชน์ และโทษให้กับร่างกายเช่นกัน หากเรารับประทานในปริมาณที่เยอะ!

สารบัญ

ปัจจุบันอาหารที่เรารับประทาน มีทั้ง ไขมันดี HDL และ ไขมันเลว LDL หรือเรียกอีกอย่างว่าคอลเลสเตอรอล ซึ่งคอลเลสเตอรอลมีทั้งประโยชน์ และโทษให้กับร่างกายเช่นกัน หากเรารับประทานในปริมาณที่เยอะ!

ดังนั้นวันนี้ Inno…จะมาแชร์เกี่ยวกับแหล่งอาหารที่มี ไขมันดี ที่ควรรับประทาน และแหล่งอาหารที่มี ไขมันเลว ที่ควรหลีกเลี่ยง และหากอยากเพิ่มไขมันดีให้กับร่างกายควรทำอย่างไร ? มีไขมันดีเท่าไร ถึงจะดีต่อร่างกาย! ซึ่งข้อมูลได้รวบไว้ในบทความด้านล่างนี้แล้วค่ะ

ไขมันดี (High Density Lipoprotein) หรือ HDL

ทำหน้าที่นำพาคอเลสเตอรอล และกรดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไปที่ตับ เพื่อทำลาย และขับออกทางน้ำดี ดังนั้นไขมันดี (HDL) จึงมีหน้าที่ช่วยลดไขมันเลว (LDL) ที่เกาะอยู่ตามหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้  เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น

ไขมันเลว (Low Density Lipoprotein) หรือ LDL

เป็นไขมันที่มาจากไขมันสัตว์ ซึ่งไขมันทำหน้าที่นำพาคอเลสเตอรอลไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เข้าไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแดงตีบ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หรือแข็ง ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือด

ไขมันดี HDL

แหล่งอาหารเพิ่มไขมันดี

  • ถั่วแอลมอนด์ : ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดระดับไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย 
  • ปลาแซลมอล : อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ และยังช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
  • อโวคาโด้ : เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันชนิดดี (HDL) ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยบำรุงหัวใจ และยังมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย
  • น้ำมันมะกอก : สามารถเพิ่ม ไขมันดี (HDL) และลดระดับ ไขมันเลว (LDL) ที่หมุนเวียนในกระแสเลือดได้ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • แอปเปิ้ล : จะช่วยลดไขมันเลว (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) ให้กับร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญ และยังมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลระบบขับถ่ายในร่างกายได้อีกด้วย

ไขมันเลว LDL

แหล่งอาหาร ไขมันเลว ที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารฟาสต์ฟู้ด : เช่น พิชซ่า,แฮมเบอร์เกอร์,ฮอทดอก และอื่น ๆ ซึ่งอาหารจำพวกนี้มักจะมีไขมันอิ่มตัว และคาร์โบไฮเดรตสูง จึงทำให้มีไขมันเลว(LDL) เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ หรือโรคเบาหวานได้
  • ขนมหวาน : เช่น เบเกอรี่,เค้ก,โดนัท,ช็อคโกแลต และไอศกรีม มักมีปริมาณน้ำตาลสูง, มีไขมัน, และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งทำให้มีไขมันเลวที่สูง เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
  • เนื้อสัตว์ : เช่น เนื้อวัว, เนื้อหมู, ไก่, และผลิตภัณฑ์จากนม มีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด, โรคเบาหวาน และความอ้วนได้
  • อาหารทอด : เช่น ไก่ทอด,ทอดมัน,ปลาทอด และเบคอนทอด ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีไขมันเลว (LDL) มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้
  • ครีมเทียม : เช่น เนยเทียม,มาการีน,นมข้นหวานเทียม ซึ่งจะมีส่วนประกอบของไขมันทรานส์อยู่เป็นจำนวนมาก

ไขมัน ควรมีเท่าไร ถึงจะอยู่ในระดับปกติ และดี ?

ชนิดไขมันระดับปกติระดับอันตราย
ไขมันดี (HDL)มากกว่า 60มิลลิกรัม/เดซิลิตรน้อยกว่า 40มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ไขมันเลว (LDL)ไม่ควรเกิน100มิลลิกรัม/เดซิลิตรมากกว่า 130มิลลิกรัม/เดซิลิตร

ค่าปกติของไขมัน (HDL) สำหรับผู้ใหญ่อยู่ในช่วง 60 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ค่าที่สูงกว่านี้ถือว่าดี.

  • ค่าสูง : ค่า HDL ที่สูงมีผลดีต่อร่างกาย เนื่องจากช่วยล้างความหนาแน่นของเส้นเลือด. 
  • ค่าต่ำ : ค่า HDL ต่ำ กว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจเป็นสัญญาณของความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ. หาก HDL ต่ำ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาหาร และการออกกำลังกาย อาจช่วยเพิ่มระดับ HDL ได้ 

ค่าปกติของไขมัน (LDL) ควรมีค่าอยู่ในช่วงน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 

  • ค่าสูง : ค่า LDL ที่สูงกว่า 130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  • ค่าต่ำ : ค่า LDL ต่ำมีผลดีต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด. 

อยากเพิ่มระดับ HLD ให้มีค่าสูง ควรทำอย่างไร?

  • ควบคุมน้ำหนัก : การควบคุมน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน นอกจากจะทำให้รูปร่างดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดระดับไขมันเลวออกจากร่างกายได้
  • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : ออกกำลังกายเป็นประจำก็จะทำให้ร่างกายมีระดับไขมันดี (HDL) เพิ่มขึ้นได้
  • ลดไขมันทรานส์ : อาหารจำพวก ขนม, เบเกอรี่, อาหารสำเร็จรูป และเนยเทียม เป็นต้น
  • ปรับการรับประทานอาหาร : รับประทานอาหารประเภทผักสด,ผลไม้ และควรมีอาหารประเภทข้าว เช่น ข้าวกล้อง,ข้าวไรส์เบอร์รี่ เป็นต้น
  • งดการสูบบุหรี่ : บุหรี่จะมีสารคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้ 

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด