กลูต้าไธโอน
กลูต้าไธโอน

รู้จัก “ กลูต้าไธโอน ” มีประโยชน์อย่างไร! ต่อร่างกาย

“ กลูต้าไธโอน ” สารอาหารที่หลายคนรู้จักและพูดถึงมากที่สุดในวงการความงาม แต่จริง ๆ แล้ว กลูต้าไธโอนมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ไม่เพียงช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพอีกมากมาย มาดูกันว่ากลูต้าไธโอนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

สารบัญ

กลูต้าไธโอน คืออะไร?

กลูต้าไธโอน (Glutathione) คือสารประกอบประเภทโปรตีนที่พบได้ในร่างกายทุกเซลล์ โดยเฉพาะในตับ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและสารพิษ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมถึงการทำลายสารพิษในร่างกาย

กลูต้าไธโอนประกอบด้วยอะไรบ้าง?

กลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยสารนี้มีส่วนประกอบหลักจากกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่

  1. กลูตามีน (Glutamine) กรดอะมิโนที่มีบทบาทในการเสริมสร้างโปรตีนและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน
  2. ซิสเตอีน (Cysteine) กรดอะมิโนที่มีธาตุกำมะถัน ช่วยในการสร้างโปรตีนและเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษ
  3. ไกลซีน (Glycine) กรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนและมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างกลูต้าไธโอน

หลักการทำงานของกลูต้าไธโอน

กลูต้าไธโอนทำงานโดยการลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น รังสียูวี มลพิษ และสารเคมีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยในกระบวนการขับสารพิษของตับ โดยเฉพาะสารพิษที่ละลายในไขมัน เช่น ยา สารพิษจากสิ่งแวดล้อม และสารเคมีที่เป็นอันตราย

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่นิยมพูดถึงกันคือการยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ซึ่งส่งผลให้ผิวดูขาวขึ้น โดยกระบวนการนี้เกิดจากการที่กลูต้าไธโอนลดการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่มีส่วนในการสร้างเมลานิน กลูต้าไธโอนยังมีบทบาทในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย

ประโยชน์ของกลูตาไธโอนต่อร่างกายของเรา

กลูต้าไธโอน image 1

Antioxidant กลูตาไธโอน จะถูกเปลี่ยน เป็นเอนไซม์ glutathione peroxidase มีคุณสมบัติ เป็นสาร antioxidant ที่สำคัญของร่างกาย ทำงานร่วมกับ วิตามินซีและอี กลูต้าไธโอนยังช่วยป้องกันเซลล์ระบบประสาทไม่ให้เกิดภาวะเสื่อมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันเนื้อเยื่อของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

ดีท็อกซ์ กลูตาไธโอน มีคุณสมบัติที่สามารถกำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อตับ รวมไปถึงช่วยขับสารพิษที่เป็นโลหะหนัก หรือสารพิษไม่ละลายน้ำ ให้สามารถละลายน้ำได้ดีขึ้น และขับออกมาได้ง่ายขึ้น

เสริมระบบภูมิคุ้มกัน กลูตาไธโอน เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ และมีปริมาณมากขึ้น เพื่อคอยดักจับและต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการเจ็บป่วย รวมไปถึงเซลล์มะเร็งด้วย

ดูแลผิว ปรับผิวกระจ่างใส มีการศึกษา และค้นคว้าอย่างจริงจังจนพบว่า กลูตา สามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่สร้างเมลานิน หรือเม็ดสีผิวชนิดเข้มลดลง ทำให้โทนสีผิวกระจ่างใสขึ้น

กลูต้าไธโอนจากธรรมชาติ พบได้ที่ไหนบ้าง ?

กลูต้าไธโอน image 2

จริง ๆ แล้วเราสามารถเลือกกินอาหารจากธรรมชาติที่มีกลูต้าไธโอนได้ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจนเกินไป โดยเลือกรับประทานอาหารดังต่อไปนี้

  • ผัก : บร็อกโคลี่, ผักโขม, เห็ด, มะเขือเทศ, หน่อไม้ฝรั่ง
  • เนื้อสัตว์ : ปลาแซลมอน, เนื้อวัว, เนื้อหมู
  • ถั่ว : ถั่วลันเตา, ถั่วเหลือง
  • ผลไม้ : สตรอเบอร์รี่, ส้ม, เกรปฟรุ้ต, แอปเปิ้ล, องุ่น, แตงโม, อะโวคาโด

กลูต้าไธโอน ดูดซึมในทางเดินอาหารได้น้อยมาก ควรกิน อะมิโนแอชิด เอ็นอะซิทิลซิสเตอีน (N-acetyl-cysteine) เพื่อไปเพิ่ม glutathione เพราะดูดซึมง่าย และเป็น Glutathione Precursors จะไปรวมตัวกับโปรตีนอีก 2 ชนิด คือ อะมิโนแอชิดไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) เป็นโมเลกุลกลูตาไธโอน ในกระแสเลือด

ผลข้างเคียงจากการใช้กลูตาไธโอน

แม้ว่ากลูต้าไธโอนจะมีประโยชน์มากมาย แต่การใช้หรือบริโภคในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

  1. อาการแพ้ : บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อกลูต้าไธโอน เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หรือหายใจลำบาก ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที หากมีอาการดังกล่าว
  2. ปัญหาทางเดินอาหาร : การรับประทานกลูต้าไธโอน ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียได้
  3. ผลกระทบต่อตับและไต : การใช้กลูต้าไธโอนเป็นเวลานาน และในปริมาณที่สูง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานของตับ และไตผิดปกติ ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต
  4. ผลกระทบต่อการสร้างเม็ดสี : การลดการผลิตเมลานินอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดความไวต่อแสงแดดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกแดดเผา หรือเกิดมะเร็งผิวหนังได้

สรุป

กลูตาไธโอน เป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย และมีความสำคัญต่อกระบวนการต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นสาร ต้านออกซิเดชันที่ใช้ในการรักษาเสริมสำหรับโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคจิตเภท โรคเอดส์ โรคสมองเสื่อม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ กลูตาไธโอน หรือสารอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์เพิ่มระดับกลูตาไธโอนในร่างกาย โดยไม่จ้ำเป็นเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นนก่อนจะใช้กลูตาไธโอน หรือสารอื่น ๆ ควรศึกษา ทั้งข้อดี ข้อเสีย รวมถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความปลอดภัย และพิจารณาความจำเป็นในการใช้เสียก่อน

เรื่องล่าสุด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

ไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม PLAN INFINITY โดดเด่นกว่าตัวอื่น
Interesting Facts

เปิดเผย! อะไรทำให้ Biostimulator โปรแกรม “PLAN INFINITY”  โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

ทำไมการ ร้อยไหม ถึงเป็นหัตถการปลอดภัย และมั่นใจได้?
Interesting Facts

Why is thread lifting a safe and reliable procedure?

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Interesting Facts

5 วิธีลดรอยย่นระหว่างคิ้ว คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด