Category: สาระน่ารู้

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว “PLAN INFINITY” กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความสนใจจากคลินิกและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่สิ่งที่ทำให้ “PLAN INFINITY”

การร้อยไหม เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี แพร่หลายสู่ยุโรป อเมริกา รวมทั้งประเทศไทย จากข้อจำกัดในอดีตของการปรับรูปหน้าและยกกระชับทำได้เพียงการผ่าตัดดึงหน้า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเละมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยก็เริ่มมาเยือนเราเรื่อย ๆ และยิ่งปรากฏให้เห็นเยอะขึ้น โดยเฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูแก่ แต่ยังส่งผลต่อการแสดงออกทางสีหน้าที่อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเรากำลังหงุดหงิดหรือไม่พอใจอีกด้วย วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอยแห่งวัยตรงช่วงหว่างคิ้วว่า มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีการแก้ไขและรักษา เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าของคุณ  รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะปรากฏเป็นร่องลึกในแนวตั้งระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าต่าง ๆ หรือแม้แต่การเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปรอยย่นเหล่านี้จะค่อย ๆ ฝังลึกจนกลายเป็นร่องถาวรที่มองเห็นได้แม้ในยามพักสีหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอาจกระทบต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน  รอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดมากจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้เสื่อมสภาพและเกิดรอยย่นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้ 5 วิธีลดริ้วรอยและรอยย่นระหว่างคิ้ว วิธีการแก้ไขปัญหารอยย่นระหว่างคิ้วมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงการหัตถารต่าง ๆ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยลดเลือนรอยย่นเหล่านี้ได้   1. ทาครีมบำรำรุงลดเลือนริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyarulonic,  Retinol, Peptide หรือ Vitamin C ก็ฟื้นฟูผิวเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น   2. ร้อยไหมลดรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว นั้นก็คือการร้อยไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นไหมจะเข้าไปยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยย่นบริเวณระหว่างคิ้วดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? เพื่อตัวเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ 3. โบท็อกซ์  การฉีดโบท็อกซ์ลดรอยย่นระหว่างคิ้วนั้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้รอยย่นจางลงและป้องกันการเกิดรอยย่นใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ภายใน 3 – 14 วันหลังจากทำและเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือนเท่านั้น หากอยากรักษาความเรียบเนียนและดูกระชับไว้ แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน   4. เลเซอร์ยกกระชับ เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่สามารถช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Fractional ,IPL หรือ Pico Laser โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น รอยย่นดูตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ   5. ศัลยกรรมผ่าตัด

คิ้วตกเป็นปัญหาที่ส่งผลทั้งความมั่นใจในการใช้ชีวิต และการมองเห็น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนอาจเคยสังเกตว่าตนเองกำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าว และค่อนข้างกังวลว่าจะแก้ไขอย่างไรดี วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ปัญหาหางตาตกมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง และสามารถรักษาได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้กัน   คิ้วตก คืออะไร คิ้วตก หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Brow Ptosis เป็นภาวะที่คิ้วและหางคิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ โดยหางคิ้วจะอยู่ต่ำกว่าหัวคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วหย่อนคล้อยลงมาใกล้กับเปลือกตาบนมากเกินไป ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้างหรือเพียงข้างเดียว และมักพบว่าเกิดพร้อมกับปัญหาหนังตาตก ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้า เศร้าหมองและแก่กว่าวัย นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ผู้ที่มีปัญหามักต้องเลิกคิ้วขึ้นตลอดเวลาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น  คิ้วตก มีสาเหตุมาจากอะไร ปัญหาคิ้วตกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจต้องการวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน ทำความเข้าใจสาเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม   1. กรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดคิ้วตกที่พบได้ แม้จะเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกจากกรรมพันธุ์มักจะมีอาการมาตั้งแต่กำเนิด อาจพบได้ทั้งการตกของคิ้วข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อร่างกายโดยรวม การแก้ไขในกรณีนี้อาจต้องพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นลักษณะที่ติดตัวมาแต่กำเนิด   2. อายุมากขึ้น  สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของปัญหาคิ้วตกคืออายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพลง รวมถึงคอลลาเจนที่ลดน้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อฟรอนทาลิส (Frontalis Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ บริเวณหน้าผากที่ทำหน้าที่ยกคิ้ว เมื่อกล้ามเนื้อนี้อ่อนแรงลง จึงส่งผลให้คิ้วมีตำแหน่งต่ำลงกว่าปกติ  3. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง  ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก เปลือกตาและรอบดวงตาไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของคิ้วและเปลือกตา ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้อีกด้วย  4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาคิ้วตกได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การขมวดคิ้วบ่อย ๆ เวลาคิดหรือเครียด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนักเกินไป และอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อในระยะยาว   วิธีแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตกทำอย่างไรได้บ้าง การแก้ไขปัญหาคิ้วตกมีหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ดังนี้   ร้อยไหมยกหางตา ร้อยไหมยกหางตาเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเทคนิคการร้อยไหมที่มีเงี่ยงพิเศษเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถยกและกระชับคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาคิ้วตกแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้น ทั้งนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าแล้วร้อยไหมอันตรายไหม หากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจน  อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหมเพิ่มเติม ได้ที่

สำหรับคนที่ยกกระชับหน้าด้วยการทำหัตถการร้อยไหมมา แน่นอนว่าก็ต้องอยากให้ผลลัพธ์นี้อยู่กับเราไปนาน ๆ ทั้งนี้ การทำหัตถการนี้ก็จำเป็นต้องอาศัยการดูแลตัวเองควบคู่ไปอยากดี เพื่อให้ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในวันนี้ Innovation Beauty จะมาบอกถึง 9 ข้อห้ามหลังร้อยไหมที่คุณควรรู้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เห็นผลชัดเจนกัน  9 ข้อห้ามหลังร้อยไหม  เชื่อว่าคงมีหลายคนยังมีความกลัวอยู่ว่าร้อยไหมอันตรายไหม เนื่องจากหลังจากที่ทำหัตถการมาแล้วนั้น ยังมีผลข้างเคียงอย่างอาการบวมที่เห็นได้ชัด ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ รวมถึงปัญหาที่หลายคนกังวลอย่างหลังร้อยไหมหน้าบวมกี่วัน มาดูกันว่ามีข้อห้ามหลังร้อยไหมอะไรบ้างที่ควรระวัง ดังนี้      1. ห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ท่านอนถือเป็นอีกท่าที่ค่อนข้างต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนแรกหลังทำ ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้เกิดการกดทับบริเวณที่ทำการร้อยไหม และอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือทำให้ไหมเคลื่อนตัวได้ ท่านอนที่ดีที่สุดในช่วงหลังทำร้อยไหมนั้น คือการนอนหงาย และแนะนำให้ใช้หมอนที่มีความสูงพอประมาณ เพื่อช่วยลดแรงกดทับและป้องกันการบวมช้ำ ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาหลังร้อยไหมลดน้อยลง     2. ห้ามแต่งหน้า หลังจากการร้อยไหมในช่วง 6 – 8 ชั่วโมงแรก ควรงดการแต่งหน้าและการใช้เครื่องสำอางทุกชนิดบริเวณใบหน้า เนื่องจากบริเวณที่ทำการร้อยไหมยังเป็นแผลใหม่และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรปล่อยให้ผิวหน้าสะอาดและพักฟื้นตัวอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง จึงสามารถเริ่มแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรระมัดระวังและใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว  3. ไม่ควรอ้าปากกว้าง การอ้าปากกว้างหรือเคี้ยวอาหารมากเกินไปในช่วงแรกหลังร้อยไหม อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา เนื่องจากไหมที่ร้อยเข้าไปจะทำหน้าที่ดึงและยกกระชับผิว การอ้าปากกว้างอาจทำให้เกิดแรงดึงที่มากเกินไป ส่งผลให้ไหมเคลื่อนตัวหรือหลุดได้ ดังนั้นในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ ควรระมัดระวังการอ้าปาก เลือกรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่ายและหลีกเลี่ยงการหัวเราะหรือพูดมากเกินไป   4. ห้ามทำเลเซอร์บริเวณที่ร้อยไหม การทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อนในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังร้อยไหมนั้น อาจส่งผลต่อการทำงานของไหมและกระบวนการหายของแผลได้ โดยเฉพาะหากคุณทำการร้อยไหมด้วยไหมละลาย ความร้อนจากการเลเซอร์อาจทำให้ไหมละลายเร็วกว่าปกติ หรือกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ ดังนั้นควรรอให้ผ่านพ้นช่วงการฟื้นตัวก่อนที่จะทำทรีตเมนต์อื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดที่สุด หากยังไม่แน่ใจว่าร้อยไหมมีกี่แบบ และควรเลือกร้อยไหมแบบไหนดีถึงจะเหมาะกับตนเอง ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำหัตถการ  5. ห้ามทานอาหารหมักดอง  อาหารหมักดองและของสุก ๆ ดิบ ๆ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังร้อยไหม เนื่องจากอาหารประเภทนี้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด เผ็ดจัดหรืออาหารที่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก เพื่อลดการกระตุ้นบริเวณที่ทำการรักษา  6.

อีกหนึ่งการแก้ปัญหาใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับหรือการลดเลือนริ้วรอย อย่างการร้อยไหมที่หลายคนเริ่มหันมาทำกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มักจะมีคำถามเข้ามาอยู่บ่อย ๆ ว่า ร้อยไหมอันตรายไหม ร้อยไหมเจ็บไหม ถ้าทำแล้วต้องใ่ช้เวลาพักฟื้นกี่วันถึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ วันนี้ Innovation Beauty จะพาคุณมาไขข้อข้องใจที่คุณสงสัย รวมถึงข้อดีและข้อควรระวังการทำหัตถการร้อยไหม เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนตัดสินใจทำหัตถการกัน   ร้อยไหมอันตรายไหม ร้อยไหมเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน โดยไหมที่ใช้จะต้องเป็นไหมละลายที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีคุณสมบัติ สามารถสลายตัวเองได้ภายใน 6 – 18 เดือน โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ในทางกลับกัน ร่างกายจะสร้างเส้นใยอีลาสตินขึ้นมาทดแทน ซึ่งช่วยในการประคองผิวให้กระชับ ทั้งนี้ ความปลอดภัยของการร้อยไหมขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ประเภทของไหมที่ใช้ คุณภาพของผลิตภัณฑ์และมาตรฐานของสถานพยาบาล สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของไหม ได้ที่ ร้อยไหมมีกี่แบบ  ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม มีอะไรบ้าง ปัญหาหลังร้อยไหมและผลข้างเคียงจากการร้อยไหมนั้น มักพบได้หลังจากทำมาไม่กี่วัน แต่อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการรุนแรง และสามารถหายได้เอง ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ อาการบวมและรอยช้ำตามแนวไหม ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อเยื่อได้รับการกระตุ้นและมีเลือดออกใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ อาจพบอาการตึงผิวหน้า รู้สึกไม่สบาย หรือสัมผัสได้ถึงความไม่เรียบตามแนวไหมในช่วงแรก อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังจากทำ ร้อยไหมแล้วหน้าบวม อันตรายไหม หลังร้อยไหมหน้าบวมกี่วัน แล้วจะเป็นอันตรายไหมถ้าหน้าบวมแบบนี้ โดยปกติแล้ว อาการบวมหลังร้อยไหมถือเป็นเรื่องปกติและไม่อันตราย อาการจะเริ่มปรากฏชัดในช่วง 3 – 4 วันแรกหลังจากทำ และจะค่อย ๆ ยุบลงจนเข้าที่ภายใน 14 วัน อย่างไรก็ตาม หากพบว่าหลังจาก 4 วันไปแล้ว อาการบวมแดงยังเพิ่มขึ้นหรือมีอาการปวดมากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาเพิ่มเติม ข้อดีของการร้อยไหม การร้อยไหมมีจุดเด่นมากมายที่จะช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าและผิวของคุณได้ โดยจะมีข้อดี ดังนี้  ข้อควรระวังหลังร้อยไหม ทั้งนี้ หลังจากร้อยไหมมาแล้วก็จำเป็นต้องดูแลรักษาให้ดี เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ในนานที่สุด โดยสามารถปฏิบัติตามได้ ดังนี้   สรุปบทความ  หากถามว่าร้อยไหมอันตรายไหม คำตอบคือการร้อยไหมนั้นถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการยกกระชับใบหน้า ทั้งนี้ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน แม้จะมีผลข้างเคียงบางประการในระยะแรก แต่อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง

วาเลนไทน์นี้ เติมเต็มความมั่นใจให้ตัวเอง วันแห่งความรักไม่ใช่แค่การมอบความรักให้คนอื่น แต่ยังเป็นโอกาสดีในการดูแลตัวเองให้ดูดีที่สุด! หนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมความมั่นใจและเปล่งประกายได้ คือการ ร้อยไหมจมูก

โปรแกรม “PLAN INFINITY” จาก PLANITI Biostimulator ใหม่ล่าสุด

K2 PLUS มีความหวังดีในการตอบข้อสงสัยแก่ลูกค้า เพื่อยกระดับความมั่นใจ เพื่อที่จะนำไปส่งต่อการทำหัตถการที่ปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งทางเราได้รวบรวมคำถามที่ถูกถามมาตอบให้คลายความสงสัยกันค่ะ!

หลายท่านอาจคุ้นเคยกับคำว่า การร้อยไหม ซึ่งเป็นวิธีการรักษาด้านความงามที่ได้รับความนิยมและมีมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับคำว่า ไหมน้ำ ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจสงสัยว่า

ปัจจุบันนอกจากจะมีการร้อยไหมลงไปในชั้นผิวหนังแล้ว ยังมีหัตถการไหมน้ำอีกด้วย ซึ่งวิธีการและผลลัพธ์นั้นแตกต่างกัน เนื่องจากการร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้ดูเต่งตึงพร้อมเสริมคอลลาเจนให้กับผิว ส่วนไหมน้ำจะช่วยในเรื่องการเติมเต็ม ฟื้นฟูผิว

การยกกระชับใบหน้าด้วยการร้อยไหมถือว่าเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวแล้ว ยังช่วยลดริ้วรอยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าของเราด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ใช่หัตถการที่ต้องทำการผ่าตัด หลายคนก็อาจจะยังมีความลังเลที่จะทำ อันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องความเจ็บปวดและวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ ดังนั้นในวันนี้ Innovation Beauty จะพามาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันว่าร้อยไหมเจ็บไหม พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำ เพื่อให้คุณมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่คุณพอใจที่สุด ร้อยไหมเจ็บไหม  หากมีคำถามว่าร้อยไหมเจ็บไหม ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ขั้นตอนการร้อยไหมนั้นไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิด เนื่องจากทุกครั้งก่อนทำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มทำหัตถการ ดังนั้น ความรู้สึกเจ็บจะอยู่ในขั้นตอนการฉีดยา ประมาณ 2 – 3 นาทีเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นจะรู้สึกเพียงแค่หน่วง ๆ และตึง ๆ บริเวณที่ทำ ยาชาจะออกฤทธิ์นานถึง 2 – 3 ชั่วโมง ซึ่งจะครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่ทำ อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกไม่สบาย หรือรู้สึกเจ็บระหว่างที่กำลังทำ สามารถแจ้งแพทย์เพื่อฉีดยาชาเพิ่มเติมได้   อาการหลังร้อยไหม  หลังจากร้อยไหมเสร็จ อาจมีอาการต่าง ๆ ที่เป็นผลข้างเคียงตามมาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาที่เหมาะสม มาดูกันว่ามีอาการใดบ้างที่อาจเกิดขึ้นได้บ้าง  1. อาการบวมช้ำ  อาการบวมช้ำเป็นเรื่องปกติที่พบได้หลังร้อยไหม โดยทั่วไปจะมีอาการบวมและรอยช้ำในช่วง 2 – 3 วันแรกหลังทำ แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นหัตถการที่ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยมาก ก็น่าจะยังมีหลายคนสงสัยอยู่อีกว่า หลังร้อยไหมหน้าบวมกี่วัน บริเวณที่ทำการร้อยไหมมานั้นจะค่อย ๆ ยุบลงและกลับสู่สภาพปกติภายใน 7 – 14 วัน หากอาการบวมช้ำไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลังผ่านไป 3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที   2. อาการปวดระบมบริเวณที่ทำ  ความรู้สึกปวดและเจ็บใต้ผิวหนังตรงบริเวณที่ทำร้อยไหมนั้น เป็นผลมาจากการที่ร่างกายกำลังซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้ผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้น อาการปวดระบมนี้จะค่อย ๆ ทุเลาลงภายใน 2 – 4 สัปดาห์ ระหว่างนี้สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ    3. อาการคัน อาการคันหลังร้อยไหมเป็นสัญญาณที่แสดงว่าแผลกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งมักจะดีขึ้นภายใน 2 – 3 วันหลังจากทำ ทั้งนี้ หากรู้สึกคัน ไม่ควรเกา กดหรือขยี้บริเวณที่คัน เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หากอาการคันยังไม่ดีขึ้น 3